Robot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdf

AUTOMATED
TESTING
WITH ROBOT FRAMEWORK
Babel Coder
https://www.babelcoder.com

แนะนำตัว
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
BABEL CODER
Nuttavut T
Babel Coder

ทดสอบระดับ
Babel Coder
Babel Coder

QA / TESTER
Babel Coder
Babel Coder

AUTOMATED
TESTING
Babel Coder
Babel Coder

GIT
Babel Coder
Babel Coder

ROBOT
FRAMEWORD
Babel Coder
Babel Coder

CI / CD
Babel Coder
Babel Coder

DEVELOPER
Babel Coder
Babel Coder

WAI AREA
Babel Coder
Babel Coder

SOFTWARE
TESTING
Babel Coder
Babel Coder

MODERN SOFTWARE ARCHITECTURE
ในยุคปัจจุบัน การพัฒนาซอฟต์แวร์มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะการออกแบบสถาปัตยกรรมที่รองรับการทำงานบนหลาย
แพลตฟอร์ม สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์สมัยใหม่มักแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้
Mobile Application
ลักษณะ: แอปพลิเคชันที่ทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
เทคโนโลยี: พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเช่น Flutter, React Native, Swift (iOS), และ Kotlin (Android)
หน้าที่: ให้บริการผู้ใช้ผ่านอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Web Application
ลักษณะ: แอปพลิเคชันที่ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์
เทคโนโลยี: พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเช่น React, Angular, Vue.js (Frontend) และ Node.js, Django, Spring Boot (Backend)
หน้าที่: ให้บริการผู้ใช้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยมีอินเทอร์เฟซที่รองรับการใช้งานบนหน้าจอขนาดต่าง ๆ
API Application
ลักษณะ: ส่วนที่ให้บริการข้อมูลและประมวลผลคำขอจาก Mobile Application และ Web Application
เทคโนโลยี: พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเช่น RESTful API, GraphQL, gRPC
หน้าที่: เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลและให้บริการข้อมูลแก่ Mobile Application และ Web Application
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
MODERN SOFTWARE ARCHITECTURE
การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างส่วนต่าง ๆ
Mobile Application และ API
Mobile Application ส่งคำขอไปยัง API เพื่อดึงข้อมูลหรือ
ประมวลผล
API ประมวลผลคำขอและส่งข้อมูลกลับไปยัง Mobile
Application
Web Application และ API
Web Application ส่งคำขอไปยัง API เพื่อดึงข้อมูลหรือ
ประมวลผล
API ประมวลผลคำขอและส่งข้อมูลกลับไปยัง Web
Application
API และฐานข้อมูล
API เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเพื่อดึงข้อมูลหรือบันทึกข้อมูล
ฐานข้อมูลจัดเก็บข้อมูลและส่งกลับไปยัง API

SOFTWARE TESTING
Software Testing คือกระบวนการตรวจสอบและประเมินซอฟต์แวร์เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้ถูกต้องตามที่กำหนดและปราศจากข้อ
ผิดพลาด (Bugs) โดยเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของซอฟต์แวร์ ลดความเสี่ยง และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ให้
ดียิ่งขึ้น
การทดสอบซอฟต์แวร์มีเป้าหมายหลักดังนี้
ตรวจสอบความถูกต้อง (Verification): ตรวจสอบว่าส่วนประกอบของซอฟต์แวร์ทำงานตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้หรือไม่
ตรวจจับข้อผิดพลาด (Bug Detection): ค้นหาข้อผิดพลาดหรือบั๊กที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการพัฒนา
เพิ่มคุณภาพของซอฟต์แวร์ (Quality Assurance): ทำให้ซอฟต์แวร์มีความน่าเชื่อถือและสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น
ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience Improvement): ทำให้ซอฟต์แวร์ใช้งานง่าย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
Babel Coder
Babel Coder

ประเภทของ SOFTWARE TESTING
การทดสอบซอฟต์แวร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้
Unit Testing Unit Testing เป็นการทดสอบในระดับหน่วยย่อยของซอฟต์แวร์ เช่น ฟังก์ชัน หรือโมดูลเดี่ยว โดยนักพัฒนามักใช้เครื่องมืออัตโนมัติ
เช่น JUnit (สำหรับ Java), PyTest (สำหรับ Python) หรือ Jest (สำหรับ JavaScript) เพื่อทำการทดสอบ Unit Testing มักกระทำโดยนักพัฒนา
Integration Testing การทดสอบนี้เน้นการตรวจสอบว่าหน่วยย่อยต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างถูกต้อง
End-to-End Testing (E2E Testing) เป็นการทดสอบระบบทั้งหมดจากต้นทางถึงปลายทาง เพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์สามารถทำงานได้ตามที่ผู้ใช้
คาดหวัง ซึ่งมักใช้เครื่องมือ เช่น Playwright, Cypress หรือ Selenium
Performance Testing คือการทดสอบประสิทธิภาพเน้นไปที่การวัดความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการรองรับโหลดของระบบ โดยแบ่ง
ออกเป็น:
Load Testing – ตรวจสอบระบบเมื่อมีผู้ใช้จำนวนมาก
Stress Testing – ทดสอบการทำงานของระบบเมื่อเกิดภาวะโหลดสูงสุด
Scalability Testing – ตรวจสอบความสามารถในการขยายขนาดของระบบ
Spike Testing – ทดสอบระบบเมื่อเกิดการใช้งานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
Security Testing การทดสอบด้านความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่าระบบไม่มีช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี เช่น การเจาะระบบ (Penetration Testing)
Usability Testing เป็นการทดสอบการใช้งานของซอฟต์แวร์จากมุมมองของผู้ใช้จริง เพื่อประเมินประสบการณ์การใช้งาน (UX/UI)
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
UNIT TESTING
การทดสอบแบบ Unit Test จะเป็นการทดสอบหน่วยย่อย โดย
การทดสอบนี้มักกระทบโดยนักพัฒนาผ่านการเขียนโค้ดเพื่อ
ทดสอบโปรแกรม
จากตัวอย่างนี้ถ้าเครื่องคิดเลขประกอบด้วย 2 ยูนิต (หน่วยการ
ทำงาน) คือ
การคำนวณ (ผ่านการกดปุ่มบนเครื่องคิดเลข)
การแสดงผลลัพธ์ผ่านจอแสดงผล
การทดสอบแบบ Unit Testing นี้จะต้องทดสอบแยกกัน ดังนี้
ทดสอบว่าเมื่อกดปุ่มต่าง ๆ บนเครื่องคิดเลขแล้วให้
ผลลัพธ์การคำนวณถูกต้องหรือไม่ (โดยผลลัพธ์จัดเก็บใน
หน่วยความจำ)
การทดสอบว่าถ้ามีผลลัพธ์เก็บอยู่ในหน่วยความจำแล้ว จะ
นำไปแสเงผลผ่านจอแสดงผลได้อย่างถูกต้อง
Unit 1: การแสดงผล
Unit 2: การคำนวณ

Babel Coder
Babel Coder
INTEGRATION TESTING
การทดสอบแบบ Integration Test จะรวมการทดสอบหลาย
หน่วยเข้าไว้ด้วยกัน
จากตัวอย่างของเครื่องคิดเลข เราสามารถทดสอบแบบ
Integration Test ได้ด้วยการรวมสองหน่วยการทดสอบเข้า
ด้วยกัน โดยเมื่อทำการกดปุ่มเพื่อคำนวณเสร็จสิ้นจะต้องแสดง
ผลลัพธ์การคำนวณออกไปยังหน้าจอแสดงผลได้อย่างถูกต้อง
Unit 1: การแสดงผล
Unit 2: การคำนวณ

Babel Coder
Babel Coder
E2E TESTING
End-to-End Tests (E2E) ช่วยให้มั่นใจว่าระบบทำงานถูกต้องโดยทดสอบผ่าน UI จริง เช่น Selenium, Playwright ที่ควบคุม
เบราว์เซอร์อัตโนมัติ การทดสอบในรูปแบบนี้จะเชื่อมต่อการทำงานแบบครบวงจรในทุกเซอร์วิสที่เกี่ยวข้องรวมถึงการเชื่อมต่อไปยังฐาน
ข้อมูลที่ใช้งานด้วยเช่นกัน E2E มักมีปัญหา Flakiness (ผลลัพธ์ไม่น่าเชื่อถือ) จากปัจจัย เช่น เวลาโหลด, แอนิเมชัน และป๊อปอัปที่คาด
ไม่ถึง ทำให้ต้องใช้เวลาแก้ไขเยอะ อย่างไรก็ตามการทดสอบแบบ E2E เป็นรูปแบบการทดสอบที่สำคัญเพราะมีความใกล้เคียงกับรูปแบบ
การใช้งานของผู้ใช้งานมากที่สุด

Babel Coder
Babel Coder
E2E TESTING
การทดสอบ Web Application กับ API
วัตถุประสงค์: ตรวจสอบว่า Web Application สามารถส่งคำขอไปยัง API และรับข้อมูลกลับมาแสดงผลได้อย่างถูกต้อง
วิธีการทดสอบ:
ใช้เครื่องมือเช่น Selenium, Cypress, หรือ Browser Library ใน Robot Framework
สร้างเทสต์เคสเพื่อตรวจสอบการส่งคำขอและรับข้อมูลจาก API
การทดสอบ Mobile Application กับ API
วัตถุประสงค์: ตรวจสอบว่า Mobile Application สามารถส่งคำขอไปยัง API และรับข้อมูลกลับมาแสดงผลได้อย่างถูกต้อง
วิธีการทดสอบ:
ใช้เครื่องมือเช่น Appium, Espresso (Android), หรือ XCTest (iOS)
สร้างเทสต์เคสเพื่อตรวจสอบการส่งคำขอและรับข้อมูลจาก API

SOFTWARE TESTING TECHNIQUES
เทคนิคการทดสอบซอฟต์แวร์แบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Black Box Testing เป็นการทดสอบที่ไม่คำนึงถึงโค้ดภายใน แต่จะมุ่งเน้นที่ฟังก์ชันของซอฟต์แวร์จากมุมมองของผู้ใช้ โดยใช้
เทคนิค เช่น
Equivalence Partitioning – แบ่งอินพุตออกเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน
Boundary Value Analysis – ทดสอบค่าขอบเขตของอินพุต
Decision Table Testing – ใช้ตารางแสดงความสัมพันธ์ของเงื่อนไขและผลลัพธ์
White Box Testing เป็นการทดสอบที่พิจารณาโครงสร้างภายในของซอฟต์แวร์ โดยมักใช้กับ Unit Testing และใช้เทคนิค
เช่น
Statement Coverage – ตรวจสอบว่าแต่ละคำสั่งในโค้ดถูกเรียกใช้งานหรือไม่
Branch Coverage – ตรวจสอบเงื่อนไขที่เป็นไปได้ทั้งหมดของโปรแกรม
Path Coverage – ทดสอบทุกเส้นทางของโค้ด
Gray Box Testing เป็นการทดสอบที่อยู่ระหว่าง Black Box และ White Box โดยผู้ทดสอบอาจมีความรู้บางส่วนเกี่ยวกับ
โครงสร้างภายในของซอฟต์แวร์ แต่ยังมุ่งเน้นไปที่ฟังก์ชันการทำงานของระบบ
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
CHALLENGE
Q: ถ้าต้องทำการทดสอบว่าฟอร์มบนเว็บสามารถจัดการข้อมูลอายุ (age) ที่รับผ่าน
ฟอร์มได้อย่างถูกต้อง ข้อมูลใดควรเป็นชุดข้อมูลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทดสอบการก
รอกอายุผ่านฟอร์ม
A1: 0, 10, 20, 30, 40, 50, 60, 70, 80, 90, 100
A2: -10, -1, 0, 1, 50, 99, 100, 101, 120, -2.5, 10.7

Babel Coder
Babel Coder
BOUNDARY TESTING
Boundary Testing เหมาะกับระบบที่มีช่วงค่าชัดเจน เช่น ฟอร์มกรอกข้อมูล, ระบบจองตั๋ว, ระบบคำนวณแต้ม
ฯลฯ หลักการทดสอบข้อมูลโดยพิจารณาจากค่าขอบ เป็นดังนี้
ทดสอบค่าต่ำสุด (Minimum Boundary): ค่าที่เล็กที่สุดที่ระบบยอมรับ
ทดสอบค่ามากสุด (Maximum Boundary): ค่าที่มากที่สุดที่ระบบยอมรับ
ทดสอบค่าต่ำกว่าขอบเขต (Below Minimum): ค่าที่น้อยกว่าขอบเขตที่กำหนด
ทดสอบค่ามากกว่าขอบเขต (Above Maximum): ค่าที่มากกว่าขอบเขตที่กำหนด
ทดสอบค่าขอบเขตเฉลี่ย (Nominal Value): ค่ากลางหรือค่าที่ใช้บ่อย
🔹ประโยชน์ของ Boundary Testing
ลดจำนวน Test Cases แต่ยังครอบคลุมความผิดพลาด
ค้นหาข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นบริเวณขอบเขต
ใช้งานได้ง่ายและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทดสอบ

Babel Coder
Babel Coder
TEST DATA SELECTION
วิธีเลือกข้อมูลที่สมควรทดสอบ
กำหนดช่วงค่าที่ระบบรองรับ: เช่น ถ้าระบบรับค่าอายุ 18-60 ปี
เลือกค่าที่เป็น Boundary: ทดสอบค่า 18 (ต่ำสุด) และ 60 (สูงสุด)
เลือกค่าที่ผิดเงื่อนไข (Invalid Data): ทดสอบค่า 17 (ต่ำกว่าขอบเขต) และ 61 (เกินขอบเขต)
เลือกค่าปกติที่ใช้ในชีวิตจริง: เช่น 25, 35, 50

Babel Coder
Babel Coder
TEST DATA SELECTION
กำหนดให้อายุเป็นจำนวนเต็มบวกและศูนย์ โดยอายุไม่สามารถเกิน 100 ได้
100
ช่วงอายุ
ข้อมูลทดสอบ
0
-5 -1 0 1 50 99 100 101 150
ข้อมูลผิดอื่น -2.5 4.5

Babel Coder
Babel Coder
E2E
THE TEST PYRAMID
Testing Pyramid หรือ "พีระมิดการทดสอบ" เป็น
แนวคิดที่ช่วยให้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถวางแผน
การทดสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดลำดับชั้น
ของการทดสอบเป็นรูปพีระมิดที่มีการทดสอบในระดับ
ต่าง ๆ ตั้งแต่ Unit Testing, Integration Testing ไป
จนถึง End-to-End (E2E) Testing แนวคิดนี้ถูกนำ
เสนอโดย Mike Cohn เพื่อช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายใน
การทดสอบ พร้อมเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของ
ซอฟต์แวร์ Integration
Unit
more integration
more isolation
slower
faster

Babel Coder
Babel Coder
CHALLENGE
Q: เพื่อการันตีว่าซอฟต์แวร์ของเราทำงานได้อย่างสมบูรณ์ การทดสอบที่สำคัญที่สุด
จึงเป็น Unit Testing เนื่องจากเป็นการทดสอบหน่วยย่อยหน่วยต่าง ๆ จึง
ครอบคลุมมากกว่า
A1: กล่าวถูก
A2: กล่าวผิด

Babel Coder
Babel Coder
Kent C. Dodds นำเสนอแนวคิด "ถ้วยรางวัลการทดสอบ" (Testing
Trophy) ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากแนวคิด "พีระมิดการทดสอบ" (Testing
Pyramid) เพื่อสะท้อนถึงการทดสอบในแอปพลิเคชันสมัยใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
โครงสร้างของ Testing Trophy
Static Tests (การทดสอบแบบสถิต): อยู่ที่ฐานของถ้วยรางวัล เน้นการ
ตรวจสอบโค้ดโดยไม่ต้องรันโปรแกรม เช่น การใช้เครื่องมือตรวจสอบ
ไวยากรณ์ (Linting) และการตรวจสอบประเภทข้อมูล (Type Checking)
เพื่อจับข้อผิดพลาดพื้นฐานและปรับปรุงคุณภาพโค้ด
Unit Tests (การทดสอบหน่วย)
Integration Tests (การทดสอบการรวม)
End-to-End (E2E) Tests (การทดสอบแบบครบวงจร)
THE TESTING TROPHY
Kent C. Dodds

Babel Coder
Babel Coder
THE TESTING TROPHY
Kent C. Dodds กล่าวว่า "ยิ่งการทดสอบของคุณใกล้เคียงกับวิธีที่ซอฟต์แวร์ถูกใช้งานจริงมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้คุณ
มั่นใจในซอฟต์แวร์นั้นมากขึ้นเท่านั้น"

Babel Coder
Babel Coder
ROBOT FRAMEWORK
Robot Framework เป็น Open-Source Test Automation
Framework ที่ใช้สำหรับ Automated Testing ในหลาย
ประเภท เช่น Web, Mobile, API และ Desktop
Applications โดยใช้ Keyword-Driven Testing และสามารถ
อ่าน-เขียน Test Cases ได้ง่าย
✅ใช้งานง่าย: เหมาะสำหรับทั้ง QA Tester และ Developer
✅ลดเวลาและต้นทุน: ช่วยลดการทดสอบแบบ Manual
✅อ่านเข้าใจง่าย: Syntax คล้ายภาษามนุษย์
✅รองรับหลายแพลตฟอร์ม: ใช้กับ Web, Mobile, API,
Database

Babel Coder
Babel Coder
ROBOT FRAMEWORK
Robot Framework ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ ภาษา Python เป็นหลัก ทำให้สามารถติดตั้งและใช้งาน
ผ่าน Python Package ได้โดยตรง นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ภาษา Python เพื่อพัฒนาความ
สามารถขั้นสูงให้กับการทดสอบบน Robot Framework ได้อีกด้วย
ตัวอย่าง Python Libraries ที่นำมาใช้ควบคู่กับ Robot Framework
AppiumLibrary: ใช้ Python เชื่อมต่อกับ Appium เพื่อทดสอบโมบายล์แอปพลิเคชัน
RequestsLibrary: ใช้ Python ทดสอบ REST API
DatabaseLibrary: ใช้ Python เชื่อมต่อกับฐานข้อมูล
BrowserLibrary: ใช้ Python ผ่าน Playwright เพื่อการทดสอบการทำงานบนเว็บ

Babel Coder
Babel Coder
RPA Framework เป็นชุด Libraries สำหรับ Robot Framework ที่ออกแบบมาเพื่อ
Robotic Process Automation (RPA)** โดยช่วยให้สามารถทำ Automation ได้ทั้ง
Web, Desktop, API, File Handling, Database, OCR, และอื่นๆ
RPA Framework ทำงานอยู่บน Robot Framework โดยเพิ่มคำสั่งเฉพาะสำหรับ RPA
เช่น
✅ควบคุมเว็บ (Web Automation) ผ่าน Playwright
✅จัดการไฟล์ (File Handling, PDF, Excel)
✅ควบคุม Windows Apps (Desktop Automation)
✅อ่านข้อความจากรูปภาพ (OCR & Image Processing)
✅ควบคุมเมาส์และคีย์บอร์ด (Keyboard & Mouse Control)
** Robotic Process Automation (RPA) คือ เทคโนโลยีที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์ (หรือบอท) สามารถทำงานอัตโนมัติแทน
มนุษย์ในการทำงานที่ซ้ำซ้อน โดย จำลองพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การคลิกเมาส์ กรอกข้อมูล คัดลอกไฟล์ เชื่อมต่อ API
ฯลฯ
RPA FRAMEWORK

Babel Coder
Babel Coder
ในยุคที่การพัฒนาซอฟต์แวร์มีความรวดเร็วและต่อเนื่อง
การนำเครื่องมือและกระบวนการอัตโนมัติมาใช้ในการ
ทดสอบและปรับใช้ซอฟต์แวร์กลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
CI/CD ย่อมาจาก Continuous Integration (CI) และ
Continuous Delivery/Deployment (CD) เป็นกระบวน
การที่ช่วยให้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถทำงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น โดยการรวมการเปลี่ยนแปลง
โค้ดบ่อยครั้ง และปรับใช้ซอฟต์แวร์ได้อย่างต่อเนื่อง
CI / CD
Continuous Integration (CI) เป็นกระบวนการที่นักพัฒนารวม
โค้ดของตนเองเข้ากับโค้ดหลักบ่อยครั้ง (เช่น ทุกวันหรือทุกครั้งที่
มีการเปลี่ยนแปลง) จากนั้นระบบจะทำการทดสอบอัตโนมัติเพื่อ
ตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ทำให้ระบบเสียหาย CI ช่วยลด
ความเสี่ยงของข้อผิดพลาดและทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้ง่ายขึ้น
1.
Continuous Delivery/Deployment (CD) หลังจากที่โค้ดผ่าน
การทดสอบในขั้นตอน CI แล้ว ขั้นตอน CD จะทำการปรับใช้
ซอฟต์แวร์ไปยังสภาพแวดล้อมที่กำหนด (เช่น สภาพแวดล้อม
ทดสอบหรือสภาพแวดล้อมการผลิต) โดยอัตโนมัติ Continuous
Delivery หมายถึงการเตรียมซอฟต์แวร์ให้พร้อมสำหรับการปรับใช้
ตลอดเวลา ส่วน Continuous Deployment หมายถึงการปรับใช้
ซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติทันทีที่โค้ดผ่านการทดสอบ
2.

Babel Coder
Babel Coder
CI / CD
Monitoring and Logging
IaC
Code
push
Github
Test
Build
Register Image
Deploy
CI
CI
CI
CD
CD
CD
CaC

Babel Coder
Babel Coder
CI / CD
Developer QA Server Production

SETTING UP
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
PYTHON
Python เป็น ภาษาโปรแกรมมิ่งระดับสูง ที่ใช้งานง่าย มีโครงสร้างที่อ่านได้เหมือนภาษาอังกฤษ รองรับการพัฒนา Web, Data
Science, AI, Automation, และ Testing Robot Framework ถูกเขียนขึ้นโดยใช้ Python ทำให้ต้องติดตั้ง Python ก่อนใช้
งาน โดยในคอร์สนี้จะใช้ Python เวอร์ชัน 3.10.5

POETRY
Babel Coder
Babel Coder
Python เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานง่าย แต่เมื่อต้องการติดตั้งเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อใช้งาน อาจพบปัญหาต่อไปนี้
ติดตั้งแพ็กเกจลำบาก – หากต้องใช้ไลบรารีเสริม (เช่น การเชื่อมต่อฐานข้อมูล หรือประมวลผลข้อมูล) อาจต้องติดตั้งแพ็กเกจ
หลายตัว และบางครั้งมีปัญหาความเข้ากันไม่ได้
สับสนกับหลายเวอร์ชัน – หากมีโปรเจกต์หลายอันที่ใช้แพ็กเกจเวอร์ชันต่างกัน อาจเกิดปัญหาทำให้โค้ดบางอันทำงานไม่ได้
ย้ายเครื่องแล้วใช้งานไม่ได้ – ถ้าย้ายโปรเจกต์ไปยังเครื่องอื่น เช่น ส่งให้เพื่อนร่วมงานหรือติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ อาจต้องติดตั้ง
แพ็กเกจใหม่ทีละตัว ซึ่งเสียเวลาและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด

POETRY
Babel Coder
Babel Coder
แพกเกจ คือ ชุดของเครื่องมือสำเรจรูป ที่ช่วยให้เราสามารถเพิ่มความสามารถให้กับโปรแกรมได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดขึ้นมาใหม่เอง
ทั้งหมด
เราสามารถคิดว่าแพ็กเกจเป็นเหมือน "แอปพลิเคชัน" บนมือถือได้ เช่น
ถ้าเราอยากแต่งรูป → ดาวน์โหลดแอปแต่งรูป
ถ้าเราอยากเช็คสภาพอากาศ → ดาวน์โหลดแอปพยากรณ์อากาศ
ใน Python และ Poetry ก็เช่นกัน
ถ้าเราต้องการดึงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต → ใช้แพ็กเกจ requests
ถ้าเราต้องการคำนวณตัวเลข → ใช้แพ็กเกจ numpy
ถ้าเราต้องการทำกราฟ → ใช้แพ็กเกจ matplotlib

Babel Coder
Babel Coder
POETRY
Poetry เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการแพ็กเกจของ Python ให้ง่ายขึ้น มันทำให้เราสามารถ
✅ติดตั้งแพ็กเกจได้ง่าย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเข้ากันได้
✅จัดการหลายโปรเจกต์ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าแพ็กเกจจะชนกัน
✅แชร์และย้ายโปรเจกต์ได้ง่ายขึ้น โดย Poetry จะช่วยจดจำว่าใช้แพ็กเกจอะไรบ้าง

Babel Coder
Babel Coder
การติดตั้ง POETRY
$ brew install pipx
$ pipx ensurepath
$ pipx install poetry
$ py -m pip install --user pipx
$ py -m pipx ensurepath
** ใช้ py หรือ python

Babel Coder
Babel Coder
การสร้างโปรเจกต์
$ poetry new my_project
$ cd my_project
หากต้องการเริ่มต้นโปรเจกต์ Python ใหม่ ให้ใช้คำสั่ง โครงสร้างของโปรเจกต์ที่สร้างขึ้นจะมีลักษณะดังนี้
my_project/
│── pyproject.toml # ไฟล์หลักของ Poetry ที่เก็บข้อมูลแพ็กเกจ
│── poetry.lock # ไฟล์ล็อกเวอร์ชันของแพ็กเกจ
│── README.md # คำอธิบายโปรเจกต์
│── my_project/ # โค้ด Python ของโปรเจกต์
│ └── __init__.py
└── tests/ # โฟลเดอร์สำหรับการทดสอบ

Babel Coder
Babel Coder
การติดตั้งแพ็กเกจ
$ poetry add requests
การติดตั้งแพ็กเกจด้วยคำสั่งนี้คือการติดตั้งเพื่อใช้งานแพ็กเกจดัง
กล่าวในทุกสภาพแวดล้อม ทั้งจังหวะการพัฒนาโปรแกรม การ
ทดสอบโปรแกรม และการใช้งานจริงบน Production
Poetry จะอัปเดตไฟล์ pyproject.toml และสร้างไฟล์
poetry.lock เพื่อบันทึกเวอร์ชันของแพ็กเกจ

Babel Coder
Babel Coder
การติดตั้งแพ็กเกจ
$ poetry add --dev pytest
หากเป็นแพ็กเกจที่ใช้เฉพาะตอนพัฒนาและทดสอบโปรแกรม เช่นการใช้ pytest เพื่อการทดสอบโปรแกรม ให้ทำการระบุ --dev
$ poetry install
ถ้าได้รับโปรเจกต์จากผู้อื่นและต้องการติดตั้งแพ็กเกจทั้งหมดที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วโปรเจกต์ ให้ดำเนินการออกคำสั่งต่อไปนี้

Babel Coder
Babel Coder
การลบแพ็กเกจ
$ poetry remove pytest
ใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อลบแพ็กเกจที่เคยติดตั้งไว้แล้ว

Babel Coder
Babel Coder
VIRTUAL ENVIRONMENT
ก่อนหน้าที่จะมีการใช้ Poetry ในการจัดการแพ็กเกจบน Python เมื่อเราติดตั้ง Python และเริ่มต้นเขียนโปรแกรม เราอาจต้องติด
ตั้ง แพ็กเกจ (Package) เพิ่มเติม เช่น requests สำหรับดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ หรือ pandas สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล
โดยปกติ การติดตั้งแพ็กเกจจะทำผ่านคำสั่งนี้
$ pip install requests
แต่ปัญหาคือ แพ็กเกจทั้งหมดจะถูกติดตั้งลงบนเครื่อง (Global Environment) ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น
❌แพ็กเกจชนกัน – ถ้าโปรเจกต์หนึ่งใช้ requests เวอร์ชัน 2.25.0 แต่โปรเจกต์อื่นต้องใช้เวอร์ชัน 2.31.0 ก็อาจทำให้โค้ด
บางตัวใช้ไม่ได้
❌อัปเดตแพ็กเกจแล้วโปรเจกต์เก่าพัง – หากอัปเดตแพ็กเกจในเครื่อง อาจทำให้โปรเจกต์เก่าทำงานไม่ได้
❌แชร์โค้ดกับคนอื่นยาก – เมื่อส่งโปรเจกต์ให้เพื่อน พวกเขาอาจติดตั้งแพ็กเกจไม่ครบ หรือใช้เวอร์ชันที่ไม่ตรงกัน
วิธีแก้ปัญหานี้คือการใช้ Virtual Environment

Babel Coder
Babel Coder
VIRTUAL ENVIRONMENT
Virtual Environment (Venv) เป็นเหมือน พื้นที่แยกเฉพาะ สำหรับแต่ละโปรเจกต์ ทำให้แต่ละโปรเจกต์มีแพ็กเกจของตัวเองโดย
ไม่กระทบกับระบบหลัก
ถ้าไม่มี Virtual Environment ทุกโปรเจกต์แชร์แพ็กเกจเดียวกัน เหมือนทุกคนในบ้านใช้รองเท้าคู่เดียวกัน
ถ้าใช้ Virtual Environment แต่ละโปรเจกต์มีแพ็กเกจของตัวเอง เหมือนทุกคนมีรองเท้าของตัวเอง ไม่ต้องแย่งกัน

Babel Coder
Babel Coder
VIRTUAL ENVIRONMENT
Poetry เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการ Virtual Environment และ
แพ็กเกจได้ง่ายขึ้นโดยอัตโนมัติ ภายหลังการสร้างโปรเจ็กต์เสร็จ
สิ้น Poetry จะจัดการกับโปรเจ็กต์ผ่าน Virtual Environment
โดยอัตโนมัติ เมื่อมีการติดตั้งแพ็กเกจหรือออกคำสั่งผ่าน
Poetry จะดำเนินการกับ Virtual Environment ให้เอง
ทุกแพ็กเกจที่ติดตั้งจะถูกจัดการเฉพาะในโปรเจกต์นี้ (ผ่าน
Virtual Environment) เท่านั้น
คำสั่ง poetry run ช่วยให้แน่ใจว่า Python ใช้แพ็กเกจจาก
Virtual Environment เพื่อรันโค้ดภายใน Virtual
Environment
$ poetry run python script.py

Babel Coder
Babel Coder
VIRTUAL ENVIRONMENT
เพื่อให้ Poetry จัดเก็บแพ็กเกจไว้ภายใต้ .venv ภายใต้โฟลเดอร์
ของโปรเจ็กต์ เราจำเป็นต้องกำหนดค่าต่อไปนี้
ทุกแพ็กเกจที่ติดตั้งจะถูกจัดการเฉพาะในโปรเจกต์นี้ (ผ่าน
Virtual Environment) เท่านั้น
คำสั่ง poetry run ช่วยให้แน่ใจว่า Python ใช้แพ็กเกจจาก
Virtual Environment เพื่อรันโค้ดภายใน Virtual
Environment
$ poetry run python script.py
$ poetry config virtualenvs.in-project true --local
เมื่อทำการออกคำสั่ง poetry config --list --local
จะพบว่าการตั้งค่าดังกล่าวได้ถูกเปิดใช้งาน
virtualenvs.in-project = true

Babel Coder
Babel Coder
PYPROJECT.YOML
pyproject.toml เป็นไฟล์ที่ใช้กำหนดรายละเอียดและการตั้งค่าของโปรเจกต์ Python โดยเฉพาะเมื่อใช้ Poetry หรือ
เครื่องมือจัดการแพ็กเกจอื่นๆ ไฟล์นี้ช่วยให้สามารถระบุ ข้อมูลโปรเจกต์, แพ็กเกจที่ต้องใช้, และ การตั้งค่าอื่นๆ ได้ในที่เดียว
ส่วนประกอบของไฟล์ pyproject.toml
[project] – ข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจกต์
[tool.poetry.group.dev.dependencies] – แพ็กเกจสำหรับพัฒนา
[project.scripts] – คำสั่งรันสคริปต์
[build-system] – ข้อมูลระบบสำหรับการติดตั้ง

Babel Coder
Babel Coder
[PROJECT]
ส่วนนี้ใช้ระบุรายละเอียดของโปรเจกต์ เช่น ชื่อ, เวอร์ชัน และคำอธิบาย
[tool.poetry]
name = "my_project" # ชื่อโปรเจกต์
version = "0.1.0" # เวอร์ชันของโปรเจกต์
description = "My Python app" # คำอธิบายโปรเจกต์
authors = ["John Doe <john@example.com>"] # รายชื่อผู้สร้าง
license = "MIT" # ประเภทของลิขสิทธิ์
requires-python = ">=3.13, <4.0" # เวอร์ชัน Python
dependencies = [ # ส่วนนี้ใช้ระบุแพ็กเกจที่จำเป็นสำหรับโปรเจกต์
"robotframework (>=7.2.2,<8.0.0)",
"robotframework-databaselibrary (>=2.1.0,<3.0.0)"
]

Babel Coder
Babel Coder
[TOOL.POETRY.GROUP.DEV.DEPENDENCIES]
ส่วนนี้ระบุแพ็กเกจที่จำเป็นเฉพาะช่วงพัฒนาและทดสอบ เช่น pytest สำหรับการทดสอบ
[tool.poetry.group.dev.dependencies]
pytest = "^7.2.0"
black = "^22.12.0" # ใช้ Black เพื่อช่วยจัดรูปแบบโค้ด
📌แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ถูกติดตั้งใน production
📌สามารถจัดกลุ่มแพ็กเกจสำหรับการทดสอบใน [tool.poetry.group.test.dependencies] ก็ได้

Babel Coder
Babel Coder
[PROJECT.SCRIPTS]
ช่วยให้เราสามารถสร้างคำสั่งรันโปรแกรมได้ง่ายขึ้น
[project.scripts]
start = "my_project.main:run"
📌คำสั่ง poetry run start จะรันฟังก์ชัน run() จากไฟล์ main.py

Babel Coder
Babel Coder
[BUILD-SYSTEM]
ส่วนนี้บอกให้ Python ทราบว่าโปรเจกต์นี้ใช้ Poetry เป็นตัวจัดการ
[build-system]
requires = ["poetry-core>=2.0.0,<3.0.0"]
build-backend = "poetry.core.masonry.api"

Babel Coder
Babel Coder
CHALLENGE
Q: สมมติให้ Robot Framework ถูกติดตั้งผ่านคำสั่ง poetry add robot-
framework การติดตั้งนี้ทำให้เกิดคำสั่งชื่อ robot ขึ้นมาในโปรเจค การออกคำสั่งใน
ข้อใดถูกต้องเพื่อเรียกใช้งาน robot เพื่อทดสอบไฟล์ในโฟลเดอร์ tests
A1: robot tests
A2: poetry run robot tests

ROBOT
FRAMEWORK
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
✅1. Test Cases
Test Case คือ ชุดของขั้นตอนที่ใช้ทดสอบระบบ เพื่อดูว่าแอปพลิเคชันทำงานถูกต้องหรือไม่ เช่น ทดสอบว่าล็อกอินสำเร็จ
ไหม หรือระบบคำนวณราคาถูกต้องหรือไม่
💡Test Case นี้เช็คว่า "ล็อกอินสำเร็จแล้วขึ้นข้อความ Welcome ไหม?"
📌เปรียบเทียบง่ายๆ: Test Case เหมือน "รายการตรวจสอบ" ที่ต้องทำตาม
อภิธานศัพท์

Babel Coder
Babel Coder
✅2. Test Suite
Test Suite คือ กลุ่มของ Test Cases ที่นำมารวมกันเพื่อทดสอบหลายๆ ฟีเจอร์ของระบบ
ตัวอย่างเช่น
login_tests.robot: รวม Test Cases เกี่ยวกับการล็อกอิน
checkout_tests.robot: รวม Test Cases เกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้า
payment_tests.robot: รวม Test Cases เกี่ยวกับการชำระเงิน
💡สามารถรัน Test Suite เดียว หรือทั้งหมดพร้อมกันได้
📌เปรียบเทียบง่ายๆ: Test Suite เหมือน "แฟ้มเอกสาร" ที่รวม Test Cases หลายๆ อัน

Babel Coder
Babel Coder
✅3. Variables (ตัวแปร)
ตัวแปร คือ ค่าที่ตั้งไว้ล่วงหน้า และสามารถนำไปใช้ซ้ำในหลายจุดของการทดสอบ เช่น ตั้งค่า ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, URL ของ
เว็บไซต์ เป็นต้น
💡แทนที่จะพิมพ์ "user123" ซ้ำๆ ทุกที่ ก็ใช้ ${USERNAME} แทน
📌เปรียบเทียบง่ายๆ: ตัวแปรเหมือน "กล่องเก็บของ" ที่เก็บค่าต่างๆ ไว้ใช้ซ้ำ

Babel Coder
Babel Coder
✅4. Keywords
คีย์เวิร์ด คือ กลุ่มของคำสั่งที่ใช้ทำงานบางอย่าง เช่น "ล็อกอิน", "กดปุ่ม", "กรอกข้อมูล" โดยสามารถเรียกใช้ได้หลายครั้ง
ทำให้การเขียนเทสต์กระชับขึ้น
💡เวลาจะล็อกอินก็เรียก Login To Website ได้เลย ไม่ต้องเขียนโค้ดซ้ำ
📌เปรียบเทียบง่ายๆ: คีย์เวิร์ดเหมือน "สูตรสำเร็จ" ที่บอกให้ Robot ทำงานตามลำดับที่กำหนด

Babel Coder
Babel Coder
✅5. Test Data (ข้อมูลทดสอบ)
Test Data คือ ข้อมูลที่ใช้ทดสอบระบบ เช่น รายชื่อผู้ใช้, รายการสินค้า, หรือข้อมูลตัวเลขที่ใช้เช็คการคำนวณ
🔹ตัวอย่างไฟล์ CSV ที่ใช้เป็น Test Data:
📌เปรียบเทียบง่ายๆ: Test Data เหมือน "ข้อมูลตัวอย่าง" ที่ใช้ตรวจสอบระบบ

Babel Coder
Babel Coder
CHALLENGE
Q: ข้อใดคือความหมายของชุดการทดสอบที่รวมหลาย ๆ การทดสอบเข้าไว้ด้วยกัน
A1: Test Suite
A2: Test Case

Babel Coder
Babel Coder
ส่วนประกอบของโปรเจค
เก็บไฟล์ Test Cases
เก็บไฟล์ Resource (Keywords & Variables)
เก็บข้อมูลสำหรับทดสอบ (Test Data)

Babel Coder
Babel Coder
📂1. tests/ → เก็บไฟล์ Test Cases
✅ใช้สำหรับเก็บ ไฟล์ทดสอบหลัก ที่เขียนด้วย Robot Framework
✅มักมีไฟล์ .robot ที่กำหนด Test Suites และ Test Cases
✅โครงสร้างสามารถแบ่งเป็นโฟลเดอร์ย่อยตามโมดูลหรือฟีเจอร์ของแอปพลิเคชัน
🔹ตัวอย่างไฟล์:
login_tests.robot → ทดสอบการล็อกอิน
checkout_tests.robot → ทดสอบขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า

Babel Coder
Babel Coder
📂2. resources/ → เก็บไฟล์ Resource (Keywords & Variables)
✅ใช้สำหรับเก็บ Custom Keywords, Variables และ Settings
✅แยก Reusable Code ออกจากไฟล์ทดสอบหลัก เพื่อลดความซ้ำซ้อน
✅สามารถมี ไฟล์ .robot หรือ .py สำหรับเขียน Custom Libraries
keywords.robot → เก็บ Custom Keywords
variables.robot → เก็บ ค่าตัวแปร เช่น URL, Credentials
selenium_keywords.py → Python Script สำหรับ Custom Selenium Keywords

Babel Coder
Babel Coder
📂3. data/ → เก็บข้อมูลสำหรับทดสอบ (Test Data)
✅ใช้เก็บไฟล์ข้อมูลที่ใช้ในการรันเทสต์ เช่น CSV, JSON, Excel
✅แยกข้อมูลออกจากไฟล์ทดสอบเพื่อให้แก้ไขได้ง่าย
✅ใช้ร่วมกับ Data-Driven Testing
test_users.csv → รายชื่อผู้ใช้สำหรับทดสอบ
product_data.json → ข้อมูลสินค้าในระบบ
test_cases.xlsx → รายการเทสต์ในรูปแบบสเปรดชีต

Babel Coder
Babel Coder
ไฟล์ทดสอบใน Robot Framework ใช้นามสกุล .robot โดยควรวางไว้ใน
โฟลเดอร์ tests ประกอบด้วยส่วนหลัก ๆ ดังนี้
Settings Section (สำหรับการตั้งค่า)
Variables Section (ตัวแปรที่ใช้ในเทสต์)
Test Cases Section (สำหรับการสร้างกรณีทดสอบ)
Keywords Section (เพื่อสร้างคำสั่งที่ใช้ซ้ำได้)
การสร้าง TEST SUITES

Babel Coder
Babel Coder
กำหนด Libraries, Resource Files และ Variables ที่ใช้ใน Test Cases
🔹Library → โหลดไลบรารี เช่น Browser สำหรับ Web Testing
🔹Resource → โหลดไฟล์ที่มี Keywords ที่สร้างเองจากไฟล์อื่น
🔹Variables → โหลดไฟล์ตัวแปร เช่น ค่า URL หรือ Credentials จากที่อื่น
SETTINGS SECTION

Babel Coder
Babel Coder
ใช้กำหนดค่าที่ต้องใช้ซ้ำ เช่น URL, Username, Password โดยใช้ ${} ครอบ
ค่าตัวแปรเพื่อนำไปใช้ใน Test Cases
VARIABLES SECTION

Babel Coder
Babel Coder
ส่วนหลักที่กำหนด Test Cases พร้อมลำดับการทำงาน โดยใน
Test Suite ต้องมีอย่างน้อง 1 Test Case ภายใต้ Test Case ใด
ๆ จะมีลักษณะการทำงานตามลำดับ
TEST CASES SECTION

Babel Coder
Babel Coder
กำหนด Keywords (ชุดคำสั่ง) ที่เรียกใช้ใน Test Cases สำหรับตัวอย่างนี้ Keyword ดังกล่าวช่วยลดความซ้ำซ้อน โดยใช้
Login To Website ใน Test Cases
KEYWORDS SECTION

Babel Coder
Babel Coder
ตัวอย่างการใช้งาน TEST SUITE

Babel Coder
Babel Coder
CHALLENGE
Q: การสร้างคำสั่งพิเศษเพื่อใช้เรียกซ้ำฝนภายหลังเป็นความหมายของสิ่งใด
A1: Test Case
A2: Keyword

Babel Coder
Babel Coder
LOG
Log ใช้บันทึกข้อความลงในไฟล์ log.html ซึ่ง
จะถูกสร้างขึ้นอัตโนมัติหลังจากรัน Robot
Framework
1.
ข้อความ "This is a log message" จะไม่แสดงใน
Console แต่สามารถดูได้ในไฟล์ log.html
2. Log To Console ใช้แสดงข้อความออกมาที่
Console โดยตรง จากตัวอย่างนี้ข้อความ "This
will appear in the terminal" จะแสดงที่
Console ทันที

Babel Coder
Babel Coder
ใน Robot Framework มีแนวคิดเกี่ยวกับ Setup
และ Teardown ซึ่งเป็นกลไกสำหรับการกำหนด การเต
รียมสภาพแวดล้อมก่อนเริ่มต้นการทดสอบ (Setup)
และ การทำความสะอาดหรือคืนค่าสภาพแวดล้อมหลัง
การทดสอบเสร็จสิ้น (Teardown)
Setup → คำสั่งที่ทำงาน ก่อนเริ่ม Test Case
Teardown → คำสั่งที่ทำงาน หลังจาก Test
Case จบลง
SETUP / TEARDOWN
🔹ก่อนเริ่มเทสต์ → Open Browser จะทำงานเพื่อเปิดเว็บ
🔹หลังจบเทสต์ → Close Browser จะปิดเบราว์เซอร์

Babel Coder
Babel Coder
Suite Setup → คำสั่งที่ทำงาน ก่อนเริ่ม Test
Cases ทั้งหมดใน Test Suite
Suite Teardown → คำสั่งที่ทำงาน หลังจาก
Test Cases ทั้งหมดใน Test Suite จบลง
SUITE SETUP / SUITE TEARDOWN
🔹Suite Setup → เปิดเบราว์เซอร์เพียงครั้งเดียว ก่อนเริ่มทุก Test Case
🔹Suite Teardown → ปิดเบราว์เซอร์หลังจากทุก Test Case เสร็จสิ้น

Babel Coder
Babel Coder
ประเภท ระดับ ทำงานเมื่อไหร่ ใช้เมื่อไหร่
Setup Test Case ก่อนเริ่ม แต่ละ Test Case
ใช้เมื่อต้องเตรียมข้อมูลหรือเปิดเว็บก่อน
เทสต์แต่ละอัน
Teardown Test Case หลังจบ แต่ละ Test Case
ใช้เมื่อต้องคืนค่าหรือปิดทรัพยากรหลังจาก
เทสต์เสร็จ
Suite Setup Test Suite ก่อนเริ่ม Test Suite ทั้งหมด
ใช้เมื่อต้องการตั้งค่าก่อนเริ่มทุก Test
Case ในชุด
Suite Teardown Test Suite หลังจาก Test Suite จบลงทั้งหมด
ใช้เมื่อเสร็จสิ้นทุก Test Case และ
ต้องการคืนค่า
SUITE SETUP / SUITE TEARDOWN

Babel Coder
Babel Coder
CHALLENGE
Q: เพื่อให้การทดสอบโปรแกรมถูกต้อง จำเป็นต้องล้างข้อมูลในฐานข้อมูลทิ้งเพื่อไม่
ให้ข้อมูลที่ค้างจากการทดสอบรอบก่อนหน้าตกค้างอยู่แล้วทำให้ผลลัพธ์การทดสอบ
ในรอบปัจจุบันผิดเพี้ยน ข้อใดกล่าวถูกต้อง
A1: ล้างข้อมูลทิ้งทุกครั้งที่ทดสอบเสร็จผ่าน Teardown
A2: ล้างข้อมูลก่อนการทดสอบผ่าน Setup

Babel Coder
Babel Coder
การทดสอบ TEST CASES
1. การรันทุก Test Suites
หากมีหลายไฟล์ .robot ภายในโฟลเดอร์เดียวกัน เช่น
tests/ สามารถรันทุกไฟล์ได้โดยใช้คำสั่งต่อไปนี้ซึ่งจะรัน
ทุกไฟล์ .robot ภายในโฟลเดอร์ tests/
$ poetry run robot tests/
2. การเลือกรันเฉพาะบาง Test Cases
หากต้องการรันเฉพาะ Test Case ใด Test Case หนึ่งหรือ
เฉพาะบางส่วน ใช้ --test ตามด้วยชื่อ Test Case เช่นคำสั่ง
ต่อไปนี้ที่จะรันเฉพาะ Test Case ที่ชื่อว่า "Login Test"
$ poetry run robot --test "Login Test" tests/
หากต้องการรันหลาย Test Cases พร้อมกัน ใช้ --test ซ้ำได้
$ poetry run robot --test "Login Test" --test "Checkout Test" tests/
ถ้าต้องการรันเฉพาะ Test Suite (ไฟล์ .robot หนึ่งไฟล์) ให้ใช้ชื่อไฟล์
$ poetry run robot tests/login_tests.robot

VARIABLES &
DATA TYPES
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
VARIABLES
ใน Robot Framework การใช้ ตัวแปร (Variables) ช่วยให้การเขียนและจัดการ Test Cases ง่ายขึ้น โดยสามารถ
เก็บข้อมูลที่ต้องการใช้ซ้ำหรือเปลี่ยนแปลงได้สะดวก ตัวแปรใน Robot Framework แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
ได้แก่ Scalar Variables, List Variables และ Dictionary Variables
Scalar Variables: เก็บข้อมูลค่าเดียว ใช้สัญลักษณ์ ${}
List Variables: เก็บข้อมูลหลายค่าในรูปแบบรายการ ใช้สัญลักษณ์ @{}
Dictionary Variables: เก็บข้อมูลเป็นคู่คีย์และค่า ใช้สัญลักษณ์ &{}
การใช้ตัวแปรเหล่านี้ช่วยให้การเขียน Test Cases ใน Robot Framework มีความยืดหยุ่นและง่ายต่อการจัดการมาก
ขึ้น
** ตัวแปรไม่จำเป็นต้องประกาศใน Variables Section เท่านั้น แต่ยังสามารถประกาศใน Test Cases หรือ
Leywords ได้ด้วย

Babel Coder
Babel Coder
SCALAR VARIABLES
Scalar Variables คือ ตัวแปรที่เก็บข้อมูลเพียงค่าเดียว เช่น คะแนนสอบ ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน เป็นต้น
วิธีการสร้าง Scalar Variables
ประกาศในส่วน *** Variables *** ของไฟล์ทดสอบ โดยใช้
สัญลักษณ์ ${} ครอบชื่อของตัวแปร
วิธีการใช้งาน Scalar Variables
ใน Test Cases หรือ Keywords สามารถเรียกใช้ตัวแปรโดย
ใช้ ${} ครอบชื่อของตัวแปร

Babel Coder
Babel Coder
LIST VARIABLES
List Variables คือ ตัวแปรที่เก็บข้อมูลหลายค่าในรูปแบบรายการ (List) เช่น เกรดทั้งหมดของนายเอ หรือ รายชื่อผู้ใช้งานเว็บ
วิธีการสร้าง List Variables
ประกาศในส่วน *** Variables *** โดยใช้สัญลักษณ์ @{}
ครอบชื่อของตัวแปร
วิธีการใช้งาน List Variables
สามารถเข้าถึงค่าภายใน List โดยใช้ดัชนี (Index) ซึ่งเริ่มต้น
ที่ 0
0
1
2

Babel Coder
Babel Coder
DICTIONARY VARIABLES
Dictionary Variables คือ ตัวแปรที่เก็บข้อมูลเป็นคู่ของ คีย์ (Key) และ ค่า (Value) ซึ่งช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้โดยใช้คีย์
วิธีการสร้าง Dictionary Variables
ประกาศในส่วน *** Variables *** โดยใช้สัญลักษณ์ &{}
ครอบชื่อของตัวแปร
วิธีการใช้งาน Dictionary Variables
สามารถเข้าถึงค่าภายใน Dictionary โดยใช้คีย์

Babel Coder
Babel Coder
VARIABLE KEYWORD
Robot Framework มี Keywords หลายตัวที่ช่วยให้เราสามารถ กำหนดค่า, แก้ไข, และจัดการตัวแปร ได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วย
ให้การทดสอบอัตโนมัติ (Automated Testing) มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

Babel Coder
Babel Coder
VARIABLE KEYWORD
Set Variable – กำหนดค่าตัวแปร
ใช้สำหรับ กำหนดค่าตัวแปรใหม่ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง Scalar
(${}), List (@{}) และ Dictionary (&{})
Get Variable Value – ดึงค่าตัวแปร (มีค่าเริ่มต้น)
ใช้สำหรับ ดึงค่าตัวแปร และสามารถกำหนดค่าเริ่มต้นหาก
ตัวแปรไม่มีค่า

Babel Coder
Babel Coder
VARIABLE KEYWORD
Variable Should Exist – ตรวจสอบว่าตัวแปรมีอยู่
ใช้สำหรับ กำหนดค่าตัวแปรใหม่ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง Scalar
(${}), List (@{}) และ Dictionary (&{})
Variable Should Not Exist – ตรวจสอบว่าตัวแปรต้อง
ไม่มีอยู่
ใช้เพื่อตรวจสอบว่าตัวแปร ไม่มีอยู่

Babel Coder
Babel Coder
VARIABLES
นอกเหนือจาก Scalar, List และ Dictionary แล้ว Robot Framework ยังมีประเภทของตัวแปรอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
String Variables: เป็นประเภทตัวแปรที่จัดเก็บข้อความ String Variables เป็นหนึ่งในตัวแปรประเภท Scalar
Environment Variables: คือตัวแปรที่กำหนดไว้ในระบบปฏิบัติการหรือในไฟล์ตั้งค่า (configuration files) ของ Robot
Framework
Special Variables: คือตัวแปรที่ Robot Framework กำหนดไว้เพื่อใช้งานเฉพาะ เช่น ตัวแปรสำหรับจัดการกับ space, การ
เว้นบรรทัด, หรือค่าที่ไม่มีการกำหนด (null)

Babel Coder
Babel Coder
EVALUATE
Evaluate เป็นคีย์เวิร์ดใน Robot Framework ที่ใช้สำหรับ
ประเมินนิพจน์ (Expression) ในภาษา Python และคืนค่า
ผลลัพธ์กลับมา ซึ่งช่วยให้สามารถคำนวณค่าต่าง ๆ หรือเรียกใช้
ฟังก์ชัน Python ได้โดยตรงภายในเทสต์เคส
รูปแบบการใช้งาน
expression: นิพจน์หรือโค้ด Python ที่ต้องการประเมิน
modules: (Optional) รายการโมดูล Python ที่ต้องการ
นำเข้า (Import) เพื่อใช้ในนิพจน์
namespace: (Optional) Namespace ที่ต้องการใช้ใน
นิพจน์ (เช่น ตัวแปรหรือฟังก์ชันที่กำหนดไว้ล่วงหน้า)
ตัวอย่าง
ผลลัพธ์

Babel Coder
Babel Coder
STRING

ใน Robot Framework การจัดการกับข้อความ (String) เป็น
สิ่งสำคัญในการสร้างและควบคุม Test Cases อย่างมี
ประสิทธิภาพ โดย Robot Framework มีไลบรารีมาตรฐานชื่อว่า
String ที่ประกอบด้วยคีย์เวิร์ดหลากหลายสำหรับการจัดการและ
ตรวจสอบข้อความ
ก่อนที่จะใช้คีย์เวิร์ดจากไลบรารี String จำเป็นต้องนำเข้าไลบรารี
นี้ในส่วน Settings ของไฟล์ทดสอบ

Babel Coder
Babel Coder
STRING
เพื่อให้ค่าของตัวแปรเป็น String และสามารถนำไปใช้ต่อในการ
เปรียบเทียบได้ เราต้องกำหนดค่าข้อความโดยครอบทับด้วย
Quote

Babel Coder
Babel Coder
STRING KEYWORDS
Replace String: แทนที่ข้อความที่ระบุด้วยข้อความใหม่
Split String: แยกข้อความออกเป็นรายการ (List) โดยใช้ตัวคั่นที่กำหนด

Babel Coder
Babel Coder
STRING KEYWORDS
Fetch From Left / Fetch From Right: ดึงส่วนหนึ่งของข้อความจากด้านซ้ายหรือขวา
Remove String: ลบข้อความที่ระบุออกจากข้อความหลัก

Babel Coder
Babel Coder
STRING KEYWORDS
Should Be String: ตรวจสอบว่าค่าที่ระบุเป็นข้อความหรือไม่
Catenate: เชื่อมต่อข้อความหลาย ๆ ข้อความเข้าด้วยกัน

Babel Coder
Babel Coder
STRING KEYWORDS
Get Length: รับความยาวของข้อความ
Should (Not) Match: ตรวจสอบว่าข้อความตรงกับรูปแบบที่กำหนดหรือไม่

Babel Coder
Babel Coder
LIST KEYWORDS
ใน Robot Framework เราสามารถใช้ Collections
Library เพื่อจัดการ List ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี
คีย์เวิร์ดหลายตัวที่ช่วยให้สามารถ สร้าง, แก้ไข, ค้นหา, ลบ,
และเรียงลำดับ List ได้ง่าย ในการใช้งานให้ทำการเรียกไลบรารี่
Collections ก่อนใน Settings Section

Babel Coder
Babel Coder
LIST KEYWORDS
Create List - สร้าง List ใหม่จากค่าที่กำหนด ผลลัพธ์ที่ได้

Babel Coder
Babel Coder
Append To List - เพิ่มค่าที่ท้าย List
LIST KEYWORDS
ผลลัพธ์ที่ได้

Babel Coder
Babel Coder
Insert Into List - แทรกค่าลงในตำแหน่งที่ต้องการ
LIST KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Remove From List - ลบค่าที่ตรงกันจาก List
LIST KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Get From List - ดึงค่าจากตำแหน่งที่ต้องการ
LIST KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Get Index From List - หาตำแหน่งของค่าที่กำหนด
LIST KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Sort List - เรียงลำดับค่าใน List ตามตัวอักษร
LIST KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
List Should Contain Value - ตรวจสอบว่ามีค่าที่ต้องการใน List หรือไม่
LIST KEYWORDS
ถ้า "Apple" อยู่ใน List การทดสอบจะผ่าน

Babel Coder
Babel Coder
คีย์เวิร์ด คำอธิบาย
Create List สร้าง List ใหม่จากค่าที่กำหนด
Append To List เพิ่มค่าลงท้าย List
Insert Into List แทรกค่าที่ตำแหน่งที่กำหนด
Remove From List ลบค่าที่ตรงกันออกจาก List
LIST KEYWORDS
Get From List ดึงค่าจากตำแหน่งที่กำหนด
List Should Contain Value ตรวจสอบว่า List มีค่าที่ต้องการ
Get Index From List หาตำแหน่งของค่าที่กำหนด
Sort List เรียงลำดับค่าภายใน List

Babel Coder
Babel Coder
DICTIONARY KEYWORDS
ใน Robot Framework สามารถจัดการ Dictionary ได้ง่าย
ผ่าน Collections Library ซึ่งช่วยให้เราสามารถ สร้าง,
แก้ไข, ลบ, ค้นหา, รวม, และตรวจสอบค่าใน Dictionary ได้
อย่างสะดวก

Babel Coder
Babel Coder
Create Dictionary - สร้าง Dictionary พร้อมกำหนด Key-Value
DICTIONARY KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Set To Dictionary - เพิ่มหรืออัปเดตค่าใน Dictionary
DICTIONARY KEYWORDS
ถ้า city ไม่มีอยู่ใน Dictionary จะเพิ่มค่าใหม่ ถ้ามีอยู่แล้ว
จะอัปเดตเป็นค่าล่าสุด

Babel Coder
Babel Coder
Remove From Dictionary - ลบค่าออกจาก Dictionary ตาม Key
DICTIONARY KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Get From Dictionary - ดึงค่าตาม Key
DICTIONARY KEYWORDS
30

Babel Coder
Babel Coder
Copy Dictionary - คัดลอก Dictionary
DICTIONARY KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Get Dictionary Keys - ดึงรายการ Key ทั้งหมด
DICTIONARY KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Get Dictionary Values - ดึงรายการค่าทั้งหมด
DICTIONARY KEYWORDS

Babel Coder
Babel Coder
Dictionary Should Contain Key - ตรวจสอบว่า Dictionary มี Key
ที่กำหนด
DICTIONARY KEYWORDS
ถ้า Key name มีอยู่ใน Dictionary การทดสอบจะผ่าน

Babel Coder
Babel Coder
ตัวแปรพิเศษใน Robot Framework เป็นตัวแปรที่ถูกกำหนดค่าโดยอัตโนมัติ และสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องประกาศหรือ
กำหนดค่าเอง บทเรียนนี้จะกล่าวถึงตัวแปรพิเศษ คือ CURDIR และ EXECDIR
CURDIR: ใช้สำหรับอ้างอิงไดเรกทอรีปัจจุบันที่ไฟล์เทสต์เคสกำลังทำงานอยู่
EXECDIR: ใช้สำหรับอ้างอิงไดเรกทอรีที่ใช้รันเทสต์เคส (ไดเรกทอรีที่รันคำสั่ง robot)
ความแตกต่าง: CURDIR จะเปลี่ยนไปตามตำแหน่งของไฟล์เทสต์เคส ในขณะที่ EXECDIR จะคงที่ตลอดการรันเทสต์เคส
BUILT-IN VARIABLES

Babel Coder
Babel Coder
CURDIR (Current Directory) เป็นตัวแปรพิเศษที่เก็บพาธของไดเรกทอรีปัจจุบันที่ไฟล์เทสต์เคสกำลังทำงานอยู่
ช่วยให้สามารถอ้างอิงไฟล์หรือไดเรกทอรีที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับไฟล์เทสต์เคสได้ง่าย
ลดความยุ่งยากในการระบุพาธแบบสัมบูรณ์ (Absolute Path)
CURDIR

Babel Coder
Babel Coder
EXECDIR (Execution Directory) เป็นตัวแปรพิเศษที่เก็บพาธของไดเรกทอรีที่ใช้รันเทสต์เคส (ไดเรกทอรีที่รันคำสั่ง robot)
ช่วยให้สามารถอ้างอิงไฟล์หรือไดเรกทอรีที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับที่รันเทสต์เคสได้ง่าย
มีประโยชน์เมื่อต้องการอ้างอิงไฟล์ที่อยู่ในไดเรกทอรีหลักของโปรเจค
EXECDIR

Babel Coder
Babel Coder
ตัวแปร ความหมาย ตัวอย่าง
CURDIR
ไดเรกทอรีปัจจุบันที่ไฟล์เทสต์เคส
กำลังทำงานอยู่
หากไฟล์เทสต์เคสอยู่
ใน /home/user/tests, ${CURDIR} จะ
เป็น /home/user/tests
EXECDIR
ไดเรกทอรีที่ใช้รันเทสต์เคส
(ไดเรกทอรีที่รันคำสั่ง robot)
หากรันคำ
สั่ง robot จาก /home/user/project,
${EXECDIR} จะเป็น /home/user/project
ความแตกต่าง

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
ตัวอย่างไฟล์โครงสร้างโปรเจค test_suite.robot
${CURDIR}/data/example.txt จะอ้างอิงไปยัง /home/user/project/tests/data/example.txt
${EXECDIR}/resources/config.json จะอ้างอิงไปยัง /home/user/project/resources/config.json

Babel Coder
Babel Coder
ENV VARIABLES
Environment Variables คือค่าที่ถูกเก็บในระบบ
ปฏิบัติการหรือโปรแกรมที่สามารถเข้าถึงได้โดยทุกโปร
เซสในระบบ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกในการกำหนดค่าหรือ
พารามิเตอร์ที่ใช้ในหลาย ๆ ที่ในระบบ เช่น API Keys,
Database URLs หรือค่าที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่าใน
โปรแกรมต่าง ๆ
ใน Robot Framework เราสามารถใช้ Environment
Variables เพื่อกำหนดค่าตัวแปรในไฟล์ .robot ได้เช่น
เดียวกัน โดยการอ้างถึงตัวแปรเหล่านี้ผ่านรูปแบบ %
{VAR_NAME}
สมมติว่าเราต้องการใช้ Environment Variable เพื่อ
เก็บเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่เรากำลังทดสอบ เช่น
ANDROID_PLATFORM_VERSION ซึ่งมีค่าเป็น 9 ถ้า
ไม่ได้กำหนดค่าโดยตรง
ในกรณีนี้:
${ANDROID_PLATFORM_VERSION} จะถูกตั้งค่าจากค่า
Environment Variable ที่ชื่อ
ANDROID_PLATFORM_VERSION
หาก Environment Variable ไม่ถูกตั้งค่าล่วงหน้าในระบบ ระบบ
จะใช้ค่าเริ่มต้นที่กำหนดไว้เป็น 9

Babel Coder
Babel Coder
ENV VARIABLES
การตั้งค่า Environment Variable สามารถทำได้ง่าย
ๆ โดยการใช้คำสั่งในระบบปฏิบัติการ เช่น
$ export ANDROID_PLATFORM_VERSION=12
$ set ANDROID_PLATFORM_VERSION=12

CONTROL
STRUCTURES
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
CONTROL STRUCTURES
Control Structures คือโครงสร้างที่ใช้ในการควบคุมการไหลของกระบวนการทดสอบ เช่น การตัดสินใจ (Decision Making), กา
รวนลูป (Looping), และการจัดการข้อผิดพลาด (Error Handling) ใน Robot Framework มี Control Structures หลัก ๆ
ดังนี้
IF/ELSE: ใช้สำหรับการตัดสินใจตามเงื่อนไข
FOR LOOP: ใช้สำหรับการวนลูป
WHILE LOOP: ใช้สำหรับการวนลูปจนกว่าเงื่อนไขจะเป็นเท็จ
TRY/EXCEPT: ใช้สำหรับการจัดการข้อผิดพลาด
BREAK และ CONTINUE: ใช้สำหรับควบคุมการวนลูป
Nesting FOR Loops: การซ้อนลูป

Babel Coder
Babel Coder
IF/ELSE ใช้สำหรับการตัดสินใจตามเงื่อนไข หากเงื่อนไขเป็นจริง (True)
จะทำคำสั่งในบล็อก IF แต่หากเงื่อนไขเป็นเท็จ (False) จะทำคำสั่งใน
บล็อก ELSE
IF/ELSE
📌ผลลัพธ์

Babel Coder
Babel Coder
ใน Robot Framework การเขียนเงื่อนไข (Condition) เป็นส่วนสำคัญ
ที่ช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของ Test Cases ได้อย่างยืดหยุ่นและ
มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อต้องตรวจสอบหลายเงื่อนไขพร้อมกัน หรือ
ต้องการสร้างเงื่อนไขที่ซับซ้อนขึ้น ต่อไปนี้เป็นตัวเชื่อมในเงื่อนไข
AND
OR
NOT
ตัวเชื่อม

Babel Coder
Babel Coder
ใช้เมื่อต้องการให้เงื่อนไขทั้งหมดเป็นจริง (True) เท่านั้น
AND
เงื่อนไขนี้จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อ ${age} มีค่าอยู่ระหว่าง 18 ถึง 60

Babel Coder
Babel Coder
ใช้เมื่อต้องการให้เงื่อนไขอย่างน้อยหนึ่งเงื่อนไขเป็นจริง (True)
OR
เงื่อนไขนี้จะเป็นจริงหาก ${fruit} มีค่าเป็น "Apple" หรือ
"Banana"

Babel Coder
Babel Coder
ใช้เมื่อต้องการกลับค่าของเงื่อนไข (จาก True เป็น False
หรือจาก False เป็น True)
NOT
เงื่อนไขนี้จะเป็นจริงหาก ${status} ไม่เท่ากับ "Success"

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
เงื่อนไขนี้จะเป็นจริงหาก:
${age} อยู่ระหว่าง 18 ถึง 60 หรือ
${fruit} เป็น "Apple"

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
${age} มากกว่าหรือเท่ากับ 18 และ
${status} ไม่เท่ากับ "Failed"

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
${age} อยู่ระหว่าง 18 ถึง 60 และ
${status} เป็น "Active"

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
เงื่อนไขนี้จะเป็นจริงหาก ${fruit} ไม่ใช่ "Apple" หรือ "Banana"

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
คำสั่ง Run Keyword If จะทำงานหากเงื่อนไขเป็นจริง

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
คำสั่ง Should Be True ใช้เพื่อตรวจสอบว่าเงื่อนไขเป็นจริงหรือไม่

Babel Coder
Babel Coder
FOR-IN ใช้สำหรับการวนลูปผ่านรายการ (ลิสต์) โดยจะทำคำสั่งในบล็อก
FOR สำหรับแต่ละรายการหรือแต่ละค่าที่กำหนด
FOR-IN

Babel Coder
Babel Coder
FOR-IN-RANGE ใช้สำหรับการวนลูปผ่านช่วงของตัวเลขที่กำหนด
FOR-IN-RANGE

Babel Coder
Babel Coder
FOR-IN-ENUMERATE ใช้สำหรับการวนลูปผ่านลิสต์พร้อมกับดัชนี
(index) ของแต่ละรายการ
FOR-IN-ENUMERATE

Babel Coder
Babel Coder
FOR-IN-ZIP ใช้สำหรับการวนลูปผ่านหลายลิสต์พร้อมกัน โดยจะจับคู่
รายการจากแต่ละลิสต์เข้าด้วยกัน
FOR-IN-ZIP

Babel Coder
Babel Coder
การวนลูปผ่าน Dictionary โดยใช้ FOR-IN จะได้ทั้ง key และ value
ของแต่ละคู่ใน Dictionary
DICTIONARY ITERATION

Babel Coder
Babel Coder
WHILE LOOP ใช้สำหรับการวนลูปจนกว่าเงื่อนไขจะเป็นเท็จ (False) โดย
จะตรวจสอบเงื่อนไขก่อนการทำคำสั่งในบล็อก WHILE
WHILE LOOP

Babel Coder
Babel Coder
ใน Robot Framework การควบคุมการทำงานของลูป (Loop) สามารถ
ทำได้โดยใช้ Keywords BREAK และ CONTINUE ซึ่งช่วยให้สามารถ
จัดการการวนลูปได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น
BREAK AND CONTINUE

Babel Coder
Babel Coder
BREAK ใช้สำหรับหยุดการทำงานของลูปทันที และออกจากลูปนั้น
ๆ โดยไม่สนใจเงื่อนไขการวนลูปที่เหลือ
BREAK AND CONTINUE
ลูป FOR จะวนตั้งแต่ 0 ถึง 9
เมื่อ i มีค่าเท่ากับ 5 คำสั่ง BREAK จะถูกเรียกใช้ และลูปจะ
หยุดทำงานทันที
ผลลัพธ์ที่ได้คือการแสดงค่า 0 ถึง 5 เท่านั้น

Babel Coder
Babel Coder
CONTINUE ใช้สำหรับข้ามการทำงานในรอบปัจจุบันของลูป และ
ไปเริ่มต้นรอบใหม่ทันที โดยไม่สนใจคำสั่งที่เหลือในรอบนั้น
BREAK AND CONTINUE
เมื่อ i มีค่าเท่ากับ 2 คำสั่ง CONTINUE จะถูกเรียกใช้ และรอบ
นั้นจะถูกข้ามไป
ผลลัพธ์ที่ได้คือการแสดงค่า 0, 1, 3, และ 4 (ค่า 2 จะไม่ถูก
แสดง)

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
เมื่อ i มีค่าเท่ากับ 2 คำสั่ง CONTINUE จะถูกเรียกใช้ และรอบ
นั้นจะถูกข้ามไป
เมื่อ i มีค่าเท่ากับ 7 คำสั่ง BREAK จะถูกเรียกใช้ และลูปจะ
หยุดทำงานทันที
ผลลัพธ์ที่ได้คือการแสดงค่า 0, 1, 3, 4, 5, และ 6 (ค่า 2 และ 7
เป็นต้นไปจะไม่ถูกแสดง)

Babel Coder
Babel Coder
การซ้อนลูป (Nesting FOR Loops) ใช้สำหรับการวนลูปภายในลูปอีกชั้น
หนึ่ง
NESTING FOR LOOPS

KEYWORDS
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
รูปแบบ Argument คำอธิบาย
Positional Arguments กำหนดค่าตามลำดับที่ระบุ
Default Values กำหนดค่าเริ่มต้นหากไม่มีการส่งค่า
Variable Number of Arguments รับค่าหลายตัวโดยเก็บเป็น List
Named Arguments
ใช้ argument=value เพื่อความ
ชัดเจน
Free Named Arguments
รองรับค่าที่ไม่รู้ล่วงหน้าหรือไม่จำกัดชื่อ
ของ Argument
Named-Only Arguments บังคับให้ใช้ name=value เท่านั้น
KEYWORDS
ใน Robot Framework Keywords คือชุดของคำสั่งที่ทำงาน
ร่วมกันเพื่อดำเนินการบางอย่างภายใน Test Case โดยเรา
สามารถสร้าง Keywords เองได้เพื่อให้ Test Case อ่านง่ายขึ้น
และลดความซ้ำซ้อนของโค้ด
Keywords สามารถรับ Arguments (พารามิเตอร์) เพื่อให้
สามารถใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น Positional
arguments, Default values, Variable number of
arguments, Named arguments และอื่น ๆ

Babel Coder
Babel Coder
POSITIONAL ARGUMENTS
อาร์กิวเมนต์แบบระบุตำแหน่ง เป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุด ผู้ใช้
ต้องส่งค่าตามตำแหน่งของ Argument ที่กำหนดไว้
📌การเรียกใช้งาน

Babel Coder
Babel Coder
DEFAULT VALUES
เราสามารถกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับ Argument ได้ หากไม่มี
การส่งค่ามาจะใช้ค่าพื้นฐานแทน

Babel Coder
Babel Coder
VARIABLE NUMBER OF ARGUMENTS
VarArgs รองรับการส่งค่าหลายตัวโดยไม่จำกัดจำนวน โดยจะ
ถูกเก็บเป็น List

Babel Coder
Babel Coder
NAMED ARGUMENTS
Named Arguments และ Positional Arguments เป็นวิธีการส่งค่าพารามิเตอร์ (Arguments) ให้กับ Keywords ใน Robot
Framework ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันได้ในบางกรณี โดย Keywords ที่กำหนด Arguments แบบทั่วไปสามารถรองรับทั้งสองรูป
แบบได้
ทั้งสองวิธีใช้ในการส่งค่าไปยัง Keywords เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่น
Keywords ที่ไม่ได้กำหนดให้ใช้เฉพาะ Named-Only Arguments สามารถรองรับได้ทั้ง Positional Arguments และ
Named Arguments
ใช้เพื่อทำให้การส่งค่าใน Test Cases มีความชัดเจนและยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่ต้องการ

Babel Coder
Babel Coder
NAMED ARGUMENTS
✅การเรียกใช้งานแบบ Positional Arguments
✅การเรียกใช้งานแบบ Named Arguments
(ค่าจะถูกแมปตามชื่อพารามิเตอร์ ไม่ต้องเรียงลำดับ)
(ค่าจะถูกแมปตามลำดับที่ระบุไว้ใน [Arguments])

Babel Coder
Babel Coder
FREE NAMED ARGUMENTS (KWARGS)
ใช้สำหรับรองรับค่าที่ไม่รู้ล่วงหน้าหรือไม่จำกัดชื่อของ
Argument

Babel Coder
Babel Coder
NAMED-ONLY ARGUMENTS
Named-Only Arguments เป็นคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ Robot Framework 3.1 โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก
Keyword-Only Arguments ของ Python 3
โดยทั่วไปแล้ว Named-Only Arguments ใช้ในกรณีที่
มี Variable-Length Positional Arguments (@{varargs}) นำหน้ามาก่อน
1.
ต้องการกำหนดว่าอาร์กิวเมนต์ที่ตามมาต้องถูกส่งมาแบบ Named Arguments เท่านั้น
2.

Babel Coder
Babel Coder
1. ใช้ร่วมกับ @{varargs}
ถ้า User Keyword มี Variable-Length Positional
Arguments (@{varargs}) ก่อนหน้า เราสามารถกำหนด
Named-Only Arguments ไว้หลังจากนั้นได้
ค่าที่ใส่ก่อน named=value จะถูกเก็บใน @{varargs}
named ต้องกำหนดโดยใช้ชื่อ (Named Argument) เท่านั้น

Babel Coder
Babel Coder
2. ใช้ Named-Only Arguments โดยไม่ต้องมี @{varargs}
หากต้องการให้พารามิเตอร์ทั้งหมดเป็น Named-Only
Arguments สามารถใช้ @{} (เว้นว่างไว้) เพื่อนำหน้าพารามิเตอร์
ที่ตามมา
first และ second ต้องระบุชื่อพารามิเตอร์เสมอ ไม่สามารถใช้
Positional Arguments ได้

Babel Coder
Babel Coder
3. ใช้ร่วมกับ Positional Arguments
สามารถใช้ Named-Only Arguments ร่วมกับ Positional
Arguments ได้ โดยต้องใช้ @{} คั่นระหว่างพารามิเตอร์ทั้งสอง
กลุ่ม
positional ต้องใส่ค่าโดยไม่ต้องระบุชื่อ
named ต้องใช้ Named Argument เท่านั้น

Babel Coder
Babel Coder
4. ใช้ร่วมกับ Free Named Arguments (&{free named})
ถ้าต้องการรับ Named Arguments หลายค่าแบบ Dynamic
สามารถใช้ &{free named} ได้
named only ต้องใช้ Named Argument เท่านั้น
&{free named} รับค่า Named Arguments อื่นๆ ที่เหลือ

Babel Coder
Babel Coder
5. ใช้ Default Values กับ Named-Only Arguments
Named-Only Arguments สามารถกำหนดค่าเริ่มต้นได้เหมือน
กับอาร์กิวเมนต์ทั่วไป
ถ้าไม่ได้ส่งค่าให้ named จะใช้ "default" เป็นค่าเริ่มต้น
ถ้าส่งค่า named=custom value จะใช้ "custom value"
แทน

Babel Coder
Babel Coder
การส่งผ่านตัวแปร ไปยัง KEYWORDS
Scalar Variable (${}) – ตัวแปรเดี่ยว

Babel Coder
Babel Coder
List Variable (@{}) – ตัวแปรแบบ List 📌ผลลัพธ์

Babel Coder
Babel Coder
Dictionary Variable (&{}) – ตัวแปรแบบ Dictionary 📌ผลลัพธ์

Babel Coder
Babel Coder
RETURN
Robot Framework รองรับการใช้คำสั่ง RETURN ภายใน
User Keywords เพื่อส่งค่ากลับ
📌อธิบาย
คีย์เวิร์ด Add Numbers รับค่าตัวเลข 2 ค่า (a, b) จากนั้น
คำนวณผลรวมและส่งค่ากลับด้วย RETURN

Babel Coder
Babel Coder
RETURN
หากต้องการส่งค่ากลับมากกว่าหนึ่งค่า สามารถใช้ RETURN
และคั่นค่าด้วย SPACE
📌อธิบาย
คีย์เวิร์ด Get Name And Age คืนค่าทั้ง name และ age
โดย Test Case สามารถรับค่าทั้งสองได้

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
ใน Robot Framework มีคำสั่งที่ขึ้นต้นด้วย "Should"
หลายตัวที่ใช้สำหรับ ตรวจสอบเงื่อนไข (Assertions) ว่าค่าที่
ได้รับตรงกับที่คาดหวังหรือไม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการ ตรวจ
สอบผลลัพธ์ ของการทดสอบ
คำสั่งเหล่านี้บรรจุอยู่ภายใต้ไลบรารี่ชื่อ Builtin ซึ่งเป็นไลบรารี่
มาตรฐานที่รวม Keyword ที่ใช้งานบ่อย ๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดย
Builtin จะถูกรวมเข้าไปในการทดสอบโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้อง
ทำการนำเข้าไปใช้ผ่านการเขียนว่า Library Builtin

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Be Equal – ตรวจสอบว่าสองค่าต้องเท่ากัน ผลลัพธ์
✅ผ่าน ถ้าค่าทั้งสอง (Hello และ Hello) เหมือนกัน
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้าค่าทั้งสองไม่เหมือนกัน

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Not Be Equal – ตรวจสอบว่าสองค่าต้องไม่เท่ากัน ผลลัพธ์
✅ผ่าน ถ้าค่าทั้งสอง (Hello และ World) ไม่เท่ากัน
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้าค่าทั้งสองเหมือนกัน

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Be True – ตรวจสอบว่าค่าที่ให้มาต้องเป็นจริง ผลลัพธ์
✅ผ่าน ถ้าค่าเป็น True
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้าค่าเป็น False

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Be False – ตรวจสอบว่าค่าที่ให้มาต้องเป็นเท็จ ผลลัพธ์
✅ผ่าน ถ้าค่าเป็น False
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้าค่าเป็น True

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Contain – ตรวจสอบว่าข้อความต้องมีคำที่กำหนด ผลลัพธ์
✅ผ่าน ถ้าข้อความ "Hello World" มีคำว่า "World"
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้า "World" ไม่อยู่ใน "Hello World"

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Not Contain – ตรวจสอบว่าข้อความต้องไม่มีคำที่
กำหนด
✅ผ่าน ถ้าข้อความ "Hello World" ไม่มี "Python"
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้า "Python" อยู่ใน "Hello World"

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should End With – ตรวจสอบว่าข้อความต้องลงท้ายด้วย
คำที่กำหนด
✅ผ่าน ถ้าข้อความ "Hello World" ลงท้ายด้วย "World"
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้าข้อความไม่ลงท้ายด้วย "World"

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Be Empty – ตรวจสอบว่าข้อความต้องว่างเปล่า ผลลัพธ์
✅ผ่าน ถ้าข้อความเป็นค่าว่าง ("")
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้ามีค่าอยู่

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Not Be Empty – ตรวจสอบว่าข้อความต้องไม่ว่าง
เปล่า
✅ผ่าน ถ้าข้อความไม่ว่าง
❌ล้มเหลว (Fail) ถ้าข้อความเป็นค่าว่าง

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Be Equal As Integers - ใช้สำหรับเปรียบเทียบค่า
จำนวนเต็ม (Integers) ว่ามีค่าเท่ากันหรือไม่ ถ้าทั้งสองฝั่ ง
ของการเปรียบเทียบไม่ใช่ชนิดข้อมูลเดียวกันจะทำการแปลง
เป็นเลขจำนวนเต็มก่อนเสมอ
หาก ${result} มีค่าเท่ากับ 30 การทดสอบจะผ่าน
หากไม่เท่ากัน การทดสอบจะล้มเหลว

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Be Equal As Numbers - ใช้สำหรับเปรียบเทียบค่า
ตัวเลข (Numbers) ว่ามีค่าเท่ากันหรือไม่ โดยรองรับทั้ง
จำนวนเต็มและทศนิยม ถ้าทั้งสองฝั่ งของการเปรียบเทียบไม่ใช่
ชนิดข้อมูลเดียวกันจะทำการแปลงเป็นตัวเลขก่อนเสมอ
หาก ${result} มีค่าเท่ากับ 31.0 การทดสอบจะผ่าน

Babel Coder
Babel Coder
SHOULD KEYWORDS
Should Be Equal As Strings - ใช้สำหรับเปรียบเทียบค่า
ข้อความ (Strings) ว่ามีค่าเท่ากันหรือไม่ ถ้าทั้งสองฝั่ งของการ
เปรียบเทียบไม่ใช่ชนิดข้อมูลเดียวกันจะทำการแปลงเป็น
ข้อความก่อนเสมอ
หาก ${text} มีค่าเท่ากับ Hello, World! การทดสอบจะ
ผ่าน

Babel Coder
Babel Coder
คีย์เวิร์ด คำอธิบาย
Should Be Equal ตรวจสอบว่าสองค่าต้องเท่ากัน
Should Not Be Equal ตรวจสอบว่าสองค่าต้องไม่เท่ากัน
Should Be True ตรวจสอบว่าค่าที่ให้มาต้องเป็นจริง (True)
Should Be False
ตรวจสอบว่าค่าที่ให้มาต้องเป็นเท็จ
(False)
SHOULD KEYWORDS
Should Contain ตรวจสอบว่าข้อความต้องมีคำที่กำหนด
Should Not Contain ตรวจสอบว่าข้อความต้องไม่มีคำที่กำหนด
Should Start With
ตรวจสอบว่าข้อความต้องขึ้นต้นด้วยคำที่
กำหนด
Should End With
ตรวจสอบว่าข้อความต้องลงท้ายด้วยคำที่
กำหนด
Should Be Empty ตรวจสอบว่าข้อความต้องว่างเปล่า
Should Not Be Empty ตรวจสอบว่าข้อความต้องไม่ว่างเปล่า

Babel Coder
Babel Coder
RUN KEYWORDS
RUN KEYWORDS เป็นคำสั่งที่ใช้ใน Robot Framework เพื่อให้สามารถรันหลายคีย์เวิร์ด (Keywords) ในบรรทัดเดียวกัน
ได้ โดยคั่นแต่ละคีย์เวิร์ดด้วยเครื่องหมาย AND ซึ่งช่วยให้การเขียนเทสต์เคสมีความกระชับและอ่านง่ายขึ้น
Keyword 1, Keyword 2, Keyword 3 คือคีย์เวิร์ดที่ตองการรัน
AND เป็นตัวคั่นระหว่างคีย์เวิร์ด

Babel Coder
Babel Coder
RUN KEYWORDS

DATA-DRIVEN
TESTS
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
Data-Driven Tests เป็นเทคนิคการทดสอบที่ใช้ชุดข้อมูล
(Test Data) เป็นตัวขับเคลื่อนการทดสอบ โดยเทสต์เคส
เดียวกันจะถูกรันซ้ำ ๆ กับชุดข้อมูลที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถ
ทดสอบหลายสถานการณ์ได้โดยไม่ต้องเขียนเทสต์เคสใหม่ทุก
ครั้ง
ประโยชน์ของ Data-Driven Tests
ลดความซ้ำซ้อน: ไม่ต้องเขียนเทสต์เคสใหม่สำหรับชุด
ข้อมูลที่แตกต่างกัน
ง่ายต่อการบำรุงรักษา: หากต้องการเพิ่มชุดข้อมูลใหม่
สามารถเพิ่มได้โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดเทสต์เคส
ครอบคลุมการทดสอบ: สามารถทดสอบหลายสถานการณ์
ได้อย่างรวดเร็ว
DATA-DRIVEN TESTS
การติดตั้ง
$ poetry add robotframework-datadriver
$ poetry add robotframework-datadriver[xls]

Babel Coder
Babel Coder
Test Template เป็นฟีเจอร์ของ Robot Framework ที่ช่วยให้
สามารถกำหนด Keyword ที่จะถูกใช้เป็นเทมเพลตสำหรับเทสต์เคส
ทั้งหมดใน Test Suite ได้
TEST TEMPLATE
ผลลัพธ์:
เทสต์เคส All Positive Numbers จะรัน Keyword Add
ด้วยอาร์กิวเมนต์ 1, 2, และ 3
เทสต์เคส All Negative Numbers จะรัน Keyword Add
ด้วยอาร์กิวเมนต์ -1, -2, และ -3
เทสต์เคส Positive and Negative Numbers จะรัน
Keyword Add ด้วยอาร์กิวเมนต์ -1, 2, และ 1

Babel Coder
Babel Coder
ข้อมูลทดสอบสามารถจัดเก็บในไฟล์ Excel ได้ โดยแต่ละแถวใน
Worksheet จะแทนชุดข้อมูลหนึ่งชุด
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างไฟล์ Excel ที่วางไฟล์ไว้ที่
${EXECDIR}/data/demo/math.xlsx และมี Worksheet ชื่อ
add
การจัดเก็บ TEST DATA ในไฟล์ EXCEL
ตัวอย่างการใช้งาน DataDriver
Robot Framework จะอ่านข้อมูลจากไฟล์ Excel และสร้างเทสต์
เคสอัตโนมัติสำหรับแต่ละแถวใน Worksheet add
เทสต์เคสที่สร้างขึ้นจะรัน Keyword Add ด้วยข้อมูลจากแต่ละแถว

BROWSER
TESTING
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
Browser Library เป็นไลบรารีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเขียนเทสต์เคสสำหรับทดสอบเว็บแอปพลิเคชันได้อย่าง
ง่ายดาย โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เข้าใจง่ายและเป็นธรรมชาติกับภาษา Robot Framework โดยเบื้องหลังการ
ทำงานจะใช้ Playwright ซึ่งเป็นเครื่องมือที่รองรับการทำงานกับเบราว์เซอร์ต่าง ๆ เช่น Chrome, Firefox,
WebKit และ Edge
BROWSER LIBRARY
$ poetry add robotframework-browser
$ poetry run rfbrowser init

Babel Coder
Babel Coder
BROWSER KEYWORDS
New Browser - ใช้สำหรับเปิดเบราว์เซอร์ใหม่ ตัวอย่างการใช้งาน
Arguments
browser: ระบุประเภทเบราว์เซอร์ที่ต้องการใช้ เช่น
chromium, firefox, webkit
ตัวอย่าง: chromium
headless: ระบุว่าเบราว์เซอร์จะทำงานในโหมด
Headless (ไม่มี UI) หรือไม่
ค่าเป็น True หรือ False
ตัวอย่าง: True

Babel Coder
Babel Coder
BROWSER KEYWORDS
New Context - ใช้สำหรับสร้าง Context ใหม่ ซึ่งเป็นสภาพ
แวดล้อมการทำงานแยกต่างหากในเบราว์เซอร์
ตัวอย่างการใช้งาน
Arguments
viewport: ระบุขนาดหน้าจอ (Width x Height) สำหรับ
Context ใหม่
ตัวอย่าง: {'width': 1280, 'height': 720}

Babel Coder
Babel Coder
BROWSER KEYWORDS
New Page - ใช้สำหรับเปิดหน้าเว็บใหม่ ตัวอย่างการใช้งาน
Arguments
url: URL ของหน้าเว็บที่ต้องการเปิด
*** หากไม่มีการเรียกใช้ New Browser หรือ New
Context ก่อนหน้า New Page จะสร้างเบราว์เซอร์และ
Context ใหม่โดยอัตโนมัติ

Babel Coder
Babel Coder
BROWSER KEYWORDS
Close Browser - ใช้สำหรับปิดเบราว์เซอร์ ตัวอย่างการใช้งาน

Babel Coder
Babel Coder
BROWSER KEYWORDS
Get Title - ใช้สำหรับดึง Title ของหน้าเว็บปัจจุบัน ตัวอย่างการใช้งาน

Babel Coder
Babel Coder
BROWSER KEYWORDS
Get Url - ใช้สำหรับดึง URL ของหน้าเว็บปัจจุบัน ตัวอย่างการใช้งาน
Arguments
assertion_operator: ใช้สำหรับเปรียบเทียบ URL ที่ได้
กับค่าที่คาดหวัง
^=: ตรวจสอบว่า URL ขึ้นต้นด้วยค่าที่คาดหวัง
$=: ตรวจสอบว่า URL ลงท้ายด้วยค่าที่คาดหวัง
*=: ตรวจสอบว่า URL มีค่าที่คาดหวังอยู่ภายใน
expected: ค่า URL ที่คาดหวัง
ตัวอย่างผลลัพธ์

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
Title
URL

Babel Coder
Babel Coder
ELEMENTS KEYWORDS
การเข้าถึงและจัดการองค์ประกอบ (Element) บนหน้าเว็บเป็นสิ่งสำคัญในการทดสอบอัตโนมัติด้วย Robot Framework โดยใช้
Browser Library เราจะสำรวจการใช้งาน Keywords ต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงและจัดการกับ Elements บนหน้าเว็บ ได้แก่
Get Element
Get Element
Get Element By
Get Element By Role
Get Text
Get Attribute

Babel Coder
Babel Coder
CSS SELECTORS
วิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดในการเข้าถึง Elements บน
หน้าเว็บคือการใช้ CSS Selectors ผ่าน Keywords Get
Element และ Get Elements
Get Element: ใช้เพื่อค้นหาและคืนค่า Element แรกที่
ตรงกับ Selector ที่กำหนด
Get Elements: ใช้เพื่อค้นหาและคืนค่า Elements
ทั้งหมดที่ตรงกับ Selector ที่กำหนด
Robot Framework
ในตัวอย่างข้างต้น Get Element จะคืนค่า Element แรกที่มี
คลาส submit-btn ในขณะที่ Get Elements จะคืนค่า
รายการของ Elements ทั้งหมดที่มีคลาส submit-btn

Babel Coder
Babel Coder
CSS SELECTORS
เราสามารถเลือก Element ที่มี attribute เป็นส่วนประกอบ
ได้ผ่าน [attr-name=value]
Robot Framework

Babel Coder
Babel Coder
CSS SELECTORS
แม้ว่า CSS Selectors จะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดบาง
ประการ เช่น
ไม่สามารถเลือก Elements ตามโครงสร้างที่ซับซ้อนได้
อย่างง่ายดาย
ไม่สามารถเลือก Elements ตามเนื้อหาข้อความหรือ
Attribute ที่กำหนดเองได้อย่างยืดหยุ่น
ตัวอย่างข้อจำกัด
หากต้องการเข้าถึง Parent Element (<div id="parent">)
จาก Child Element (<span class="child">) ด้วย CSS จะ
ทำได้ยาก

Babel Coder
Babel Coder
XPATH SELECTORS
XPath (XML Path Language) เป็นภาษาที่ใช้สำหรับค้นหา
และเข้าถึง Element ในเอกสาร XML หรือ HTML โดย
สามารถใช้เงื่อนไขที่ซับซ้อนได้
Robot Framework
// แสดงถึงการเข้าถึง element ปลายทางโดยไม่สนใจว่าอยู่
ระดับลึกเพียงใด

Babel Coder
Babel Coder
XPATH SELECTORS
เราสามารถใช้ [text()=ข้อความ] เพื่อกรองเฉพาะ Element ที่
มีข้อความดังกล่าวได้
Robot Framework
ในตัวอย่างนี้ เราใช้ XPath เพื่อเลือก <button> ที่มีข้อความ
ว่า "Submit"

Babel Coder
Babel Coder
XPATH SELECTORS
เราสามารถใช้ [@attr=value] เพื่อกรองเฉพาะ Element ที่มี
attr ตามที่กำหนดได้
Robot Framework

Babel Coder
Babel Coder
XPATH SELECTORS
XPath ช่วยให้เราสามารถเลือก Elements ที่ซับซ้อนได้ เช่น
Elements ที่อยู่ภายใน Elements อื่น หรือการเลือก Parent
Element
Robot Framework
ในตัวอย่างแรก เราเลือก <input> ที่อยู่ภายใน <div> ที่มี id
เป็น container ในตัวอย่างที่สอง เราเลือก Parent
Element ของ <input> โดยใช้ ..

Babel Coder
Babel Coder
XPATH SELECTORS
หาก XPath ที่เราใช้ตรงกับหลาย Elements เราสามารถใช้
Get Elements เพื่อรับรายการของ Elements เหล่านั้น
Robot Framework
ในกรณีนี้ Get Elements จะคืนค่ารายการของ <li> ทั้งหมด
ที่มีคลาส item

Babel Coder
Babel Coder
XPATH SELECTORS
การใช้ XPath อาจมีปัญหาเมื่อโครงสร้างของหน้าเว็บมีการเปลี่ยนแปลง หากนักพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างหรือตำแหน่งของ
Elements จะทำให้ XPath ที่เราใช้ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้การทดสอบล้มเหลวและต้องปรับปรุง XPath ใหม่
เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง: หากโครงสร้าง HTML เปลี่ยนแปลง XPath อาจใช้งานไม่ได้
ซับซ้อนและอ่านยาก: XPath ที่ซับซ้อนอาจทำให้โค้ดอ่านยากและบำรุงรักษายาก

Babel Coder
Babel Coder
TEST-ID SELECTORS
Test ID เป็นแนวทางที่ช่วยให้การเข้าถึง Elements มีความ
เสถียรมากขึ้น โดยใช้ Attribute data-testid ซึ่งช่วยลดผลก
ระทบจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้าง DOM เพราะ Test
ID มักจะไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย
Robot Framework
กรณีที่ Elements มีมากกว่า 1 ตัว ให้เติม
all_elements=True เช่น

Babel Coder
Babel Coder
ROLE SELECTORS
การใช้ Role ในการเข้าถึง Element เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะ
สนับสนุน Accessibility: Role สอดคล้องกับ WAI-
ARIA Roles ทำให้มั่นใจได้ว่าเว็บแอปพลิเคชันสามารถใช้
งานได้โดยผู้ใช้ทุกกลุ่ม
ลดความเปราะบาง: Role มักจะไม่เปลี่ยนแปลงบ่อยแม้
โครงสร้าง HTML จะเปลี่ยนแปลง
Robot Framework
ตัวอย่างการใช้งาน แท็ก button จะมี Role เป็น button

Babel Coder
Babel Coder
WAI-AREA ROLES
Role ใน WAI-ARIA (Web Accessibility Initiative - Accessible Rich Internet Applications) เป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้ใช้
เทคโนโลยีช่วยเหลือ เช่น Screen Readers เข้าใจและโต้ตอบกับองค์ประกอบบนหน้าเว็บได้ดีขึ้น ตัวอย่างของ Roles ที่พบบ่อย
เช่น
BUTTON: ใช้สำหรับปุ่ม
TEXTBOX: ใช้สำหรับช่องป้อนข้อความ
LINK: ใช้สำหรับลิงก์
HEADING: ใช้สำหรับหัวข้อ (สามารถระบุระดับได้)
PARAGRAPH: ใช้สำหรับย่อหน้า
ARTICLE: ใช้สำหรับบทความ

Babel Coder
Babel Coder
BUTTON ROLE
Role button ใช้สำหรับองค์ประกอบที่ทำหน้าที่เป็นปุ่ม ซึ่ง
สามารถคลิกได้เพื่อดำเนินการบางอย่าง
ตัวอย่าง HTML
HTML Tags ที่มี Role นี้
<button>
<input type="button">
<input type="submit">
<input type="reset">
<div role="button">
ตัวอย่าง Robot Framework

Babel Coder
Babel Coder
TEXTBOX ROLE
Role textbox ใช้สำหรับองค์ประกอบที่ทำหน้าที่เป็นช่องป้อน
ข้อความ
<input type="text">
<textarea>
<div role="textbox">

Babel Coder
Babel Coder
LINK ROLE
Role link ใช้สำหรับองค์ประกอบที่ทำหน้าที่เป็นลิงก์ ซึ่ง
สามารถคลิกเพื่อนำผู้ใช้ไปยังหน้าอื่นหรือส่วนอื่นของหน้าเว็บ
<a>
<div role="link">

Babel Coder
Babel Coder
HEADING ROLE
Role heading ใช้สำหรับองค์ประกอบที่ทำหน้าที่เป็นหัวข้อ ซึ่ง
มักใช้เพื่อจัดโครงสร้างเนื้อหาบนหน้าเว็บ
<h1> ถึง <h6>
<div role="heading" aria-level="1"> ถึง <div
role="heading" aria-level="6">

Babel Coder
Babel Coder
PARAGRAPH ROLE
Role paragraph ใช้สำหรับองค์ประกอบที่ทำหน้าที่เป็น
ย่อหน้า ซึ่งมักใช้สำหรับแสดงข้อความยาว
<p>
<div role="paragraph">

Babel Coder
Babel Coder
ARTICLE ROLE
Role article ใช้สำหรับองค์ประกอบที่ทำหน้าที่เป็นบทความ
หรือเนื้อหาที่เป็นอิสระ
<article>
<div role="article">

Babel Coder
Babel Coder
GET TEXT
Get Text ใช้สำหรับดึงข้อความ (Text) จาก Element ที่ระบุ

Babel Coder
Babel Coder
GET ATTRIBUTE
Get Attribute ใช้สำหรับดึงค่าของ Attribute จาก
Element ที่ระบุ
selector: Selector ของ Element ที่ต้องการดึง
Attribute
attribute: ชื่อของ Attribute ที่ต้องการดึงค่า
${attribute}: ตัวแปรที่เก็บค่าของ Attribute ที่ดึงมา

Babel Coder
Babel Coder
CLICK
Click เป็น Keyword ใน Browser Library ที่ใช้สำหรับคลิก
Element บนหน้าเว็บ เช่น Button, Link, หรือ Checkbox
โดยสามารถระบุ Element ที่ต้องการคลิกได้ผ่าน Selector

Babel Coder
Babel Coder
DIALOG
การทดสอบ Alert และ Confirm เป็นส่วนสำคัญของการทดสอบเว็บแอปพลิเคชัน โดยเฉพาะเมื่อเว็บแอปพลิเคชันมีการโต้ตอบกับผู้
ใช้ผ่านกล่องข้อความเหล่านี้ หัวข้อนี้จะอธิบายวิธีการทดสอบ Alert และ Confirm ด้วย Browser Library ใน Robot Framework
พร้อมตัวอย่างโค้ด HTML และการเรียกใช้ใน Robot Framework โดยใช้ Wait For Alert ควบคู่กับ Promise To
Wait For Alert: ใช้สำหรับรอและจัดการกับ Alert หรือ Confirm โดยสามารถเลือกคลิกปุ่ม "accept" (OK) หรือ "dismiss"
(Cancel) ได้
Promise To: ใช้เพื่อรอให้การทำงานของ Wait For Alert เสร็จสิ้นก่อนที่จะดำเนินการต่อไป
การตรวจสอบข้อความ: สามารถตรวจสอบข้อความใน Alert หรือ Confirm ได้โดยระบุข้อความในพารามิเตอร์ text

Babel Coder
Babel Coder
การทดสอบ ALERT
Alert เป็นกล่องข้อความที่แสดงข้อความแจ้งเตือนและมีปุ่ม
"OK" ให้ผู้ใช้คลิก การทดสอบ Alert จะตรวจสอบว่าข้อความที่
แสดงถูกต้องและสามารถคลิกปุ่ม "OK" ได้

Babel Coder
Babel Coder
การทดสอบ CONFIRM
Confirm เป็นกล่องข้อความที่แสดงข้อความยืนยันและมีปุ่ม
"OK" และ "Cancel" ให้ผู้ใช้เลือก การทดสอบ Confirm จะ
ตรวจสอบว่าข้อความที่แสดงถูกต้องและสามารถคลิกปุ่ม
"OK" หรือ "Cancel" ได้

Babel Coder
Babel Coder
FILE DOWNLOAD
การทดสอบการดาวน์โหลดไฟล์เป็นส่วนสำคัญของการทดสอบเว็บแอปพลิเคชัน โดยเฉพาะเมื่อเว็บแอปพลิเคชันมีฟังก์ชันการดาวน์โหลด
ไฟล์
Promise To Wait For Download: ใช้สำหรับรอการดาวน์โหลดไฟล์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
Wait For: ใช้สำหรับรอให้ Promise เสร็จสิ้นและคืนค่าผลลัพธ์ของการดาวน์โหลด
เมื่อใช้ Wait For กับ Promise To Wait For Download จะได้ผลลัพธ์เป็น Object ที่เรียกว่า DownloadInfo ซึ่งประกอบด้วย
saveAs: path ที่ไฟล์ถูกบันทึกไว้ในระบบ
suggestedFilename: ชื่อไฟล์ที่แนะนำให้ใช้ในการดาวน์โหลด (สังเกตจากแอตทริบิวต์ download ของแท็ก a)

Babel Coder
Babel Coder
FILE DOWNLOAD
ตัวอย่าง HTML ตัวอย่าง Robot Framework

Babel Coder
Babel Coder
การจัดการ STATES
การทดสอบเว็บแอปพลิเคชันมักเกี่ยวข้องกับการรอให้หน้าเว็บโหลดเสร็จสมบูรณ์หรือตรวจสอบสถานะของ Element บน
หน้าเว็บ จะใช้ Keywords สองตัว ดังนี้
Wait For Load State: ใช้สำหรับรอให้หน้าเว็บโหลดเสร็จสมบูรณ์ในสถานะที่กำหนด
Get Element States: ใช้สำหรับตรวจสอบสถานะของ Element บนหน้าเว็บ

Babel Coder
Babel Coder
WAIT FOR LOAD STATE
Wait For Load State ใช้สำหรับรอให้หน้าเว็บโหลดเสร็จ
สมบูรณ์ในสถานะที่กำหนด เช่น load,
domcontentloaded, หรือ networkidle
สถานะที่รองรับ
load: รอจนกว่าหน้าเว็บจะโหลดเสร็จสมบูรณ์ (รวมถึง
ทรัพยากรทั้งหมด เช่น ภาพและสคริปต์)
domcontentloaded: รอจนกว่า DOM จะโหลดเสร็จ
สมบูรณ์ (ไม่รวมทรัพยากรอื่น ๆ)
networkidle: รอจนกว่าเครือข่ายจะว่าง (ไม่มีคำขอเครือ
ข่ายเพิ่มเติม)

Babel Coder
Babel Coder
GET ELEMENT STATES
Get Element States ใช้สำหรับตรวจสอบสถานะของ
Element บนหน้าเว็บ เช่น visible, hidden, enabled, หรือ
disabled
สถานะที่รองรับ
visible: Element ปรากฏบนหน้าเว็บ
hidden: Element ไม่ปรากฏบนหน้าเว็บ
enabled: Element สามารถโต้ตอบได้
disabled: Element ไม่สามารถโต้ตอบได้

Babel Coder
Babel Coder
FORM
การทดสอบเว็บฟอร์มเป็นส่วนสำคัญของการทดสอบเว็บ
แอปพลิเคชัน หัวข้อนี้จะอธิบายวิธีการทดสอบเว็บฟอร์มด้วย
Browser Library ใน Robot Framework โดยครอบคลุม
Keywords ต่าง ๆ เช่น Fill Text, Check Checkbox,
Select Options By, และ Upload File By Selector
พร้อมตัวอย่างโค้ด HTML และการเรียกใช้ใน Robot
Framework

Babel Coder
Babel Coder
FILL TEXT
Fill Text ใช้สำหรับป้อนข้อความลงในช่องป้อนข้อมูล (Text
Input) บนเว็บฟอร์ม

Babel Coder
Babel Coder
CHECK CHECKBOX
Check Checkbox ใช้สำหรับเลือก Checkbox หรือ Radio
Button บนเว็บฟอร์ม

Babel Coder
Babel Coder
SELECT OPTIONS BY
Select Options By ใช้สำหรับเลือกตัวเลือกจาก
Dropdown หรือ List Box บนเว็บฟอร์ม

Babel Coder
Babel Coder
UPLOAD FILE BY SELECTOR
Upload File By Selector ใช้สำหรับอัปโหลดไฟล์ผ่าน Input
ประเภท File บนเว็บฟอร์ม

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE
ตัวอย่าง HTML ตัวอย่าง Robot Framework

API TESTING
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
JSON
CLIENT / SERVER
/products

Babel Coder
Babel Coder
RESTFUL API
C 1 C 2 C 2 C 2
RESTful API คือเว็บเซอร์วิสรูปแบบหนึ่งที่กำหนดให้ API ประกอบด้วยทรัพยากรที่ Client สามารถร้องขอเพื่อเข้าถึงได้ โดย
Client จะทำการระบุทรัพยากรที่ต้องการเข้าถึงผ่าน URL และระบุการดำเนินการผ่าน HTTP Method
/products
Product
Order
User
Comment
URL
Method GET
เมื่อ API ประมวลผลเสร็จสิ้นจะคืนผลลัพธ์กลับมาในฟอร์แมตต่าง ๆ เช่น JSON เพื่อให้ Client ทราบว่าผลลัพธ์การทำงานเป็นเช่น
ไร API ต้องส่ง HTTP Status Code กลับด้วย พร้อมระบุ MIME Type เพื่อบอกชนิดของข้อมูลที่ส่งกลับ
MIME Type
Status
Response
application/json
200 OK

Babel Coder
Babel Coder
HTTP
Method
URL ความหมาย Status เมื่อสำเร็จ Status เมื่อไม่สำเร็จ
GET /products ร้องขอข้อมูล Products ทั้งหมด 200 OK
GET /products/1 ร้องขอข้อมูล Product ที่มี ID เป็น 1 200 OK 404 NOT FOUND
POST /products สร้างข้อมูล Product ตัวใหม่ 201 CREATED
400 BAD REQUEST
422 UNPROCESSIBLE ENTITY
PATCH /products/1 อัพเดทข้อมูลบางส่วนของ Product ที่มี ID เป็น 1 200 OK
400 BAD REQUEST
422 UNPROCESSIBLE ENTITY
DELETE /products/1 ลบข้อมูลของ Product ที่มี ID เป็น 1
200 OK
204 NO CONTENT
404 NOT FOUND
RESTFUL API

Babel Coder
Babel Coder
PAYLOAD
/products
Product
Order
User
Comment
URL
Method POST
MIME Type application/json
Validate
400
BAD
REQUEST
422
UNPROCESSIBLE
ENTITY

Babel Coder
Babel Coder
Request Library เป็นไลบรารีใน Robot Framework ที่ใช้สำหรับส่ง
คำขอ HTTP ไปยัง API และจัดการกับ Response ที่ได้รับ โดยรองรับ
วิธีการต่าง ๆ เช่น GET, POST, PUT, DELETE และสามารถตรวจสอบ
Response ได้ทั้งในส่วนของ Body และ Status Code
REQUEST LIBRARY

Babel Coder
Babel Coder
GET
ใช้สำหรับดึงข้อมูลจาก API

Babel Coder
Babel Coder
POST
ใช้สำหรับส่งข้อมูลไปยัง API เพื่อสร้างข้อมูลใหม่

Babel Coder
Babel Coder
PUT
ใช้สำหรับอัปเดตข้อมูลที่มีอยู่บน API

Babel Coder
Babel Coder
DELETE
ใช้สำหรับลบข้อมูลบน API

Babel Coder
Babel Coder
ตรวจสอบ RESPONSE BODY แบบ JSON
ตัวอย่าง Response
Response Body ที่ได้รับจาก API มักอยู่ในรูปแบบ JSON ซึ่งสามารถตรวจสอบค่าได้โดยตรง

Babel Coder
Babel Coder
GET FILE FOR STREAMING UPLOAD
Get File For Streaming Upload ใช้สำหรับอัปโหลดไฟล์ไปยัง API โดยส่งไฟล์เป็นส่วนหนึ่ง
ของคำขอ

DATABASE
TESTING
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS) คืออะไร?
RDBMS (Relational Database Management System) คือระบบจัดการฐานข้อมูลที่เก็บข้อมูลในรูปแบบของ ตาราง (Table) ซึ่งมี
ความสัมพันธ์ระหว่างกัน ตัวอย่าง RDBMS ที่ได้รับความนิยม ได้แก่:
PostgreSQL: เป็นฐานข้อมูลโอเพ่นซอร์สที่รองรับฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น JSON, Full-text search และการทำงานแบบ ACID
MySQL: เป็นฐานข้อมูลที่ใช้งานง่ายและได้รับความนิยมในเว็บแอปพลิเคชัน
SQL คืออะไร?
SQL (Structured Query Language) เป็นภาษาที่ใช้ในการจัดการฐานข้อมูล RDBMS เช่น การสร้างตาราง การเพิ่มข้อมูล และการดึง
ข้อมูล ตัวอย่างเช่น คำสั่งนี้ใช้เพื่อดึงข้อมูลทั้งหมดจากตาราง users
RDBMS และ SQL

Babel Coder
Babel Coder
ตารางใน RDBMS มี คอลัมน์ (Columns) และ แถว (Rows)
โดยแต่ละคอลัมน์มีประเภทของข้อมูล (Data Type) ที่
กำหนดไว้ เช่น
INTEGER: ใช้เก็บตัวเลขจำนวนเต็ม
VARCHAR(255): ใช้เก็บข้อความไม่เกิน 255 ตัวอักษร
DATE: ใช้เก็บวันที่
การสร้างตาราง (TABLE)
รายละเอียด
id SERIAL PRIMARY KEY: สร้างคอลัมน์ id เป็นค่าที่
เพิ่มขึ้นอัตโนมัติและเป็น Primary Key (ค่าหลัก)
email VARCHAR(255) UNIQUE NOT NULL:
กำหนดให้ email ไม่สามารถซ้ำกันได้
** ใช้ CREATE TABLE IF NOT EXISTS users กรณีที่
ต้องการให้สร้างตารางเฉพาะเมื่อไม่มีตาราง users มาก่อน

Babel Coder
Babel Coder
id name email created_at
1 Alice alice@example.com 2024-02-24 12:00:00
ใช้คำสั่ง INSERT INTO เพื่อเพิ่มข้อมูลลงในตาราง
การเพิ่มข้อมูล (INSERT)
ตัวอย่างการเพิ่มผู้ใช้ใหม่

Babel Coder
Babel Coder
ใช้คำสั่ง SELECT เพื่อดึงข้อมูลจากตาราง
การดึงข้อมูล (SELECT)
ดึงข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด
ดึงข้อมูลผู้ใช้ที่มี ID = 1
ดึงข้อมูลแค่ฟิลด์ name และ email ใช้ SELECT name, email FROM users

Babel Coder
Babel Coder
ORDER BY เป็นคำสั่งใน SQL ที่ใช้สำหรับเรียงลำดับข้อมูลที่
ได้จากคำสั่ง SELECT ตามคอลัมน์ที่กำหนด สามารถเรียง
ลำดับจากน้อยไปมาก (ค่าเริ่มต้น) หรือจากมากไปน้อยก็ได้
ORDER BY
column1, column2, ...: คอลัมน์ที่ต้องการเรียงลำดับ
ASC: เรียงลำดับจากน้อยไปมาก (ค่าเริ่มต้น)
DESC: เรียงลำดับจากมากไปน้อย
เรียงลำดับข้อมูลตามคอลัมน์ salary จากน้อยไปมาก
เรียงลำดับข้อมูลตามคอลัมน์ salary จากมากไปน้อย

Babel Coder
Babel Coder
ใช้คำสั่ง UPDATE เพื่อแก้ไขข้อมูลในตาราง
การอัปเดตข้อมูล (UPDATE)
id name email created_at
1 Alice alice.new@example.com 2024-02-24 12:00:00

Babel Coder
Babel Coder
ใช้คำสั่ง DELETE เพื่อลบข้อมูลบางแถวออกจากตาราง
การลบข้อมูล (DELETE)
กรณีที่ต้องการลบข้อมูลทั้งหมดจากตาราง orders ให้ใช้คำ
สั่ง DELETE FROM orders

Babel Coder
Babel Coder
ใช้คำสั่ง TRUNCATE เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดในตาราง และรีเซ็ตค่า Primary Key คำสั่งนี้จะลบข้อมูลทั้งหมด และรีเซ็ตค่า
id ให้เริ่มที่ 1 ใหม่
การล้างตาราง (TRUNCATE)

Babel Coder
Babel Coder
การทดสอบแบบ E2E Testing เช่น การทดสอบเว็บแอปพลิเคชันที่มี
การเชื่อมต่อกับ API โดยเชื่อมต่อไปยังฐานข้อมูลอีกทีนั้น เมื่อมีการ
ดำเนินงานบางอย่างบนเว็บ เช่น ทำการสร้างข้อมูลใหม่บนหน้าเว็บ เรา
ต้องมีการตรวจสอบไปยังฐานข้อมูลว่าการดำเนินงานบนเว็บนั้นทำให้
เกิดการสร้างข้อมูลใหม่บนฐานข้อมูลจริงหรือไม่
เราใช้ Database Library ในการเชื่อมต่อจาก Robot Framework
ไปยังฐานข้อมูลปลายทาง
DATABASE TESTING

Babel Coder
Babel Coder
DATABASE LIBRARY
Database Library เป็นไลบรารีใน Robot Framework ที่
ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อและจัดการฐานข้อมูลได้อย่างง่ายดาย
บทเรียนนี้จะอธิบายวิธีการใช้งาน Keywords ต่าง ๆ ใน
Database Library พร้อมตัวอย่างการเชื่อมต่อฐานข้อมูล
PostgreSQL, MySQL, และ SQLite รวมถึงการดำเนินการ
ต่าง ๆ เช่น การรัน SQL Script, การรัน SQL String, และ
การดึงข้อมูลด้วย Query
$ poetry add robotframework-databaselibrary
$ poetry add psycopg2 # กรณีของ PostgreSQL
$ poetry add pymysql# กรณีของ MySQL
$ poetry add pysqlite # กรณีของ SQLite

Babel Coder
Babel Coder
CONNECT TO DATABASE
ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล โดยต้องระบุข้อมูลการเชื่อม
ต่อ เช่น ชื่อฐานข้อมูล, ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และโฮสต์
ตัวอย่างการเชื่อมต่อ MySQL
ตัวอย่างการเชื่อมต่อ PostgreSQL
ตัวอย่างการเชื่อมต่อ SQLite

Babel Coder
Babel Coder
DISCONNECT FROM DATABASE
ใช้สำหรับปิดการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล

Babel Coder
Babel Coder
EXECUTE SQL SCRIPT
ใช้สำหรับรัน SQL Script จากไฟล์ ตัวอย่างการใช้งาน
ไฟล์ create_tables.sql

Babel Coder
Babel Coder
id name email
1 Alice alice@example.com
2 Bob bob@example.com
EXECUTE SQL STRING
ใช้สำหรับรัน SQL Command โดยตรง
ผลลัพธ์ (ตาราง users)

Babel Coder
Babel Coder
QUERY
ใช้สำหรับดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล โดยสามารถระบุ
return_dict=True เพื่อให้ผลลัพธ์เป็น Dictionary
ผลลัพธ์: ${records} จะมีค่าดังนี้

Babel Coder
Babel Coder
EXAMPLE

APPIUM
MOBILE TESTING
Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
ในการทดสอบ Android นั้นจำเป็นต้องทำการติดตั้งเครื่องมือคือ
Android Studio
Android Studio เป็น Integrated Development Environment
(IDE) อย่างเป็นทางการสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน Android ได้
รับการพัฒนาโดย Google และอิงจาก IntelliJ IDEA
ANDROID STUDIO

Babel Coder
Babel Coder
ภายหลังการติดตั้ง Android Studio เพื่อให้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับ Android Studio
สามารถใช้งานได้ ให้ทำการตั้งค่า Environment Variables ดังนี้
ANDROID STUDIO
[System.Environment]::SetEnvironmentVariable("ANDROID_HOME", "C:Users$env:USERNAMEAppDataLocalAndroidSdk", [System.EnvironmentVariableTarget]::Machine)
[System.Environment]::SetEnvironmentVariable("ANDROID_SDK_ROOT", "C:Users$env:USERNAMEAppDataLocalAndroidSdk", [System.EnvironmentVariableTarget]::Machine)
$envPath = [System.Environment]::GetEnvironmentVariable("Path", [System.EnvironmentVariableTarget]::Machine)
$androidSdkPath = "C:Users$env:USERNAMEAppDataLocalAndroidSdk"
$newPaths = @(
"$androidSdkPathplatform-tools",
"$androidSdkPathemulator",
"$androidSdkPathcmdline-toolslatestbin",
"$androidSdkPathtools",
"$androidSdkPathtoolsbin",
"$androidSdkPathbuild-tools"
)
foreach ($path in $newPaths) {
if ($envPath -notlike "*$path*") {
$envPath += ";$path"
}
}
[System.Environment]::SetEnvironmentVariable("Path", $envPath, [System.EnvironmentVariableTarget]::Machine)
$env:Path = [System.Environment]::GetEnvironmentVariable("Path", [System.EnvironmentVariableTarget]::Machine)

Babel Coder
Babel Coder
สำหรับ MacOS สามารถกำหนดค่าต่อไปนี้ใน ~/.zshrc หรือ ~/.bash_profile
ANDROID STUDIO
export ANDROID_HOME=$HOME/Library/Android/sdk
export ANDROID_SDK_ROOT=$ANDROID_HOME
export PATH=$PATH:$ANDROID_HOME/emulator
export PATH=$PATH:$ANDROID_HOME/platform-tools
export PATH=$PATH:$ANDROID_HOME/cmdline-tools/latest/bin
export PATH=$PATH:$ANDROID_HOME/tools
export PATH=$PATH:$ANDROID_HOME/tools/bin
export PATH=$PATH:$ANDROID_HOME/build-tools

Babel Coder
Babel Coder
ภายหลังการติดตั้งเสร็จสิ้นให้เปิดการใช้งาน Android Studio ขึ้นมา
ดังภาพ
จากนั้นให้ทำการเลือก More Actions -> Virtual Device Manager
VIRTUAL DEVICE MANAGER

Babel Coder
Babel Coder
Virtual Device Manager (VDM) เป็นเครื่องมือใน Android Studio ที่ใช้สำหรับสร้างและ
จัดการ Android Emulator ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถ ทดสอบแอปพลิเคชัน โดยไม่ต้อง
ใช้ อุปกรณ์จริง (Physical Device)
📌คุณสมบัติหลักของ Virtual Device Manager
✅สร้าง Emulator ได้หลายเครื่อง: รองรับหลายรุ่น หลายขนาดหน้าจอ
✅ทดสอบแอปในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ: ปรับ Android Version, RAM, CPU ฯลฯ
✅รองรับ Google Play Services: ใช้งานแอปที่ต้องการ Google APIs ได้
✅เชื่อมต่อกับ ADB (Android Debug Bridge): ใช้คำสั่ง adb เพื่อทดสอบและดีบัก

Babel Coder
Babel Coder
จากหน้าต่าง Devise Manager ให้ทำการคลิกเครื่องหมาย + จากนั้นจึงเลือกอุปกรณ์เสมือน
ที่ต้องการ

Babel Coder
Babel Coder
ภายหลังการสร้าง Device เสร็จสิ้นให้เลือกใช้งาน Device ที่พึ่งสร้าง

Babel Coder
Babel Coder
การทดสอบบน iOS จำเป็นต้องใช้ระบบปฏิบัติการณ์ MacOS และใช้เครื่องมือจำลองการทดสอบแอปพลิเคชัน iOS ด้วย
iOS Simulator
การตั้งค่า macOS เพื่อให้สามารถใช้งาน iOS Simulator ได้นั้น จำเป็นต้องติดตั้ง Xcode และเครื่องมือต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้ Homebrew เพื่อให้กระบวนการติดตั้งง่ายขึ้น ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนโดยละเอียด
IOS SIMULATOR

Babel Coder
Babel Coder
Xcode เป็นเครื่องมือหลักสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน
บน iOS และ macOS ซึ่งรวมถึง iOS Simulator ด้วย
เปิด App Store บน Mac ของคุณ
1.
ค้นหา Xcode และคลิก Get เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้ง
2.
หลังจากติดตั้งเสร็จสิ้น เปิด Xcode และยอมรับข้อ
ตกลงการใช้งาน (License Agreement)
3.
XCODE

Babel Coder
Babel Coder
Command Line Tools เป็นชุดเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา ซึ่งรวมถึงคอมไพเลอร์และเครื่องมืออื่น ๆ
เปิด Terminal
1.
รันคำสั่งต่อไปนี้เพื่อติดตั้ง Command Line Tools และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อดำเนินการติดตั้ง
2.
COMMAND LINE TOOLS

Babel Coder
Babel Coder
Homebrew เป็น package manager สำหรับ macOS ที่ช่วยให้การติดตั้งเครื่องมือต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้น
เปิด Terminal
1.
รันคำสั่งต่อไปนี้เพื่อติดตั้ง Homebrew และทำตามคำแนะนำต่อไป
2.
HOMEBREW
$ /bin/bash -c "$(curl -fsSL https://raw.githubusercontent.com/Homebrew/install/HEAD/install.sh)"

Babel Coder
Babel Coder
จากนั้นเราสามารถติดตั้งเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา iOS ผ่าน Homebrew ได้
ติดตั้ง CocoaPods ซึ่งเป็น dependency manager สำหรับโปรเจค iOS
ติดตั้ง fastlane ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับออโตเมชันการ deploy และการจัดการแอป iOS
HOMEBREW
$ brew install cocoapods
$ brew install fastlane

Babel Coder
Babel Coder
การเพิ่ม Runtime ของ Simulator
เปิด Xcode จากนั้นไปที่แถบเมนูด้านบนของ Xcode ให้เลือก
Xcode > Settings… (หรือ Xcode > Preferences… บาง
เวอร์ชัน)
1.
ไปที่แท็บ Platforms
2.
ในหน้าต่าง Settings ให้คลิกที่แท็บ Platforms เพื่อดูรายการ
Platform และ Runtime ที่มีอยู่
3.
เพิ่ม Runtime ใหม่ โดยคลิกปุ่ม Get
4.
หลังจากดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จสิ้น เราจะสามารถใช้
Simulator เวอร์ชันนั้น ๆ ในการพัฒนาและทดสอบแอปพลิเคชัน
ได้ทันที
IOS SIMULATOR

Babel Coder
Babel Coder
หลังจากติดตั้ง Xcode แล้ว เราสามารถเปิดใช้งาน iOS Simulator ได้
โดยตรงผ่าน Xcode หรือผ่าน Terminal
เปิด Xcode
1.
สร้างโปรเจคใหม่หรือเปิดโปรเจคที่มีอยู่
2.
เลือกอุปกรณ์ Simulator จากเมนูด้านบน (ใกล้กับปุ่ม Run) และคลิก
Run เพื่อเปิด Simulator
3.
หรือเราสามารถเปิด Simulator โดยตรงจาก Terminal ได้โดยใช้คำสั่ง
IOS SIMULATOR
$ open -a Simulator

Babel Coder
Babel Coder
คำสั่งนี้จะแสดงผลลัพธ์เป็นรายการของ iOS Simulators ที่ติด
ตั้งอยู่ และจะแสดงสถานะ (Booted) ถ้าเครื่องนั้นกำลังทำงาน
อยู่
IOS SIMULATOR
$ xcrun simctl list devices
ตัวอย่างผลลัพธ์:
-- iOS 16.2 --
iPhone 14 (xxxxxxxx-xxxx-xxxx-xxxx-xxxxxxxxxxxx) (Booted)
iPhone 13 (xxxxxxxx-xxxx-xxxx-xxxx-xxxxxxxxxxxx) (Shutdown)
-- iOS 15.0 --
iPhone 12 (xxxxxxxx-xxxx-xxxx-xxxx-xxxxxxxxxxxx) (Shutdown)
** ในกรณีนี้, deviceName ที่กำลังทำงานอยู่คือ iPhone 14 ซึ่งมีสถานะเป็น
Booted.
สามารถกรองผลลัพธ์จากคำสั่งข้างต้นให้แสดงเฉพาะชื่อของ
เครื่องที่กำลังบูทอยู่ (เครื่องที่กำลังทำงาน) โดยการใช้ grep
(หากใช้ terminal ใน macOS)
$ xcrun simctl list devices | grep Booted
ผลลัพธ์จะเป็นการแสดงชื่อเครื่องที่กำลังทำงานอยู่ (Booted) เช่น:
iPhone 14 (xxxxxxxx-xxxx-xxxx-xxxx-xxxxxxxxxxxx) (Booted)

Babel Coder
Babel Coder
Appium เป็น เครื่องมือทดสอบอัตโนมัติ (Automation Testing Tool) สำหรับแอปพลิเคชันมือถือ โดยรองรับทั้ง Android
และ iOS โดยที่ ไม่ต้องแก้ไขโค้ดของแอป (ไม่ต้องใส่ SDK หรือรีคอมไพล์แอปใหม่)
📌จุดเด่นของ Appium
✅Cross-platform: ทดสอบได้ทั้ง Android และ iOS ด้วยโค้ดเดียวกัน
✅รองรับหลายภาษา: ใช้ได้กับ Python, Java, JavaScript, C#, Ruby เป็นต้น
✅Open-source: ใช้งานฟรีและมีชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่
✅ไม่ต้องแก้ไขแอปต้นฉบับ: ใช้งานกับแอปจริง (.apk, .ipa) ได้ทันที
APPIUM

Babel Coder
Babel Coder
การทดสอบมือถือด้วย Appium ช่วยให้ QA Engineer และ
Developer สามารถ
✅ทดสอบ UI และการทำงานของแอป อัตโนมัติ
✅ทำ Regression Testing ได้อย่างรวดเร็ว
✅ลด Human Error จากการทดสอบแบบ Manual
✅ทดสอบได้บน หลายอุปกรณ์พร้อมกัน (Parallel Testing)
✅ใช้ร่วมกับ CI/CD (เช่น Jenkins, GitHub Actions) ได้
ความสำคัญของ APPIUM
📌Appium เหมาะกับการทดสอบประเภทต่าง ๆ ได้แก่
Functional Testing: ทดสอบฟังก์ชันแอป
UI Testing: ตรวจสอบองค์ประกอบ UI
End-to-End Testing: ทดสอบเส้นทางการใช้งานของผู้ใช้
Performance Testing: ตรวจสอบการทำงานของแอปบน
หลายอุปกรณ์

Babel Coder
Babel Coder
Appium ใช้ WebDriver Protocol (JSON Wire Protocol) เพื่อควบคุมแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ Android และ iOS โดย
อาศัย Appium Server เป็นตัวกลาง
📌โครงสร้างการทำงานของ Appium
Appium Client
1.
เขียนสคริปต์ทดสอบด้วยภาษา Java, Python, JavaScript ฯลฯ
ใช้ Selenium WebDriver API ในการส่งคำสั่งไปยัง Appium Server
Appium Server
2.
เป็นตัวกลางระหว่าง Client และอุปกรณ์
ใช้ WebDriver Protocol ส่งคำสั่งไปยัง Emulator/Device
Appium Driver
3.
สำหรับ Android: ใช้ UiAutomator2 หรือ Espresso
สำหรับ iOS: ใช้ XCUITest
Android Emulator / iOS Simulator / Physical Device
4.
Appium จะควบคุมแอปที่ทำงานบนอุปกรณ์จริงหรือ Emulator/Simulator
หลักการทำงาน

Babel Coder
Babel Coder
หลักการทำงาน
https://mobikul.com/how-appium-architecture-works/

Babel Coder
Babel Coder
$ npm install -g appium
ออกคำสั่งต่อไปนี้เพื่อติดตั้ง Appium Server
$ MSYS_NO_PATHCONV=1 appium --base-path="/wd/hub" --allow-cors
ใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อเริ่มการทำงานบน Appium Server
** สำหรับ MacOS ไม่ต้องระบุ MSYS_NO_PATHCONV=1

Babel Coder
Babel Coder
การติดตั้ง DRIVERS
หากปราศจาก Drivers แล้ว Appium จะไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เราสามารถทดสอบ Android ได้จำเป็นต้อง
ติดตั้ง Driver ชื่อว่า UiAutomator2 และติดตั้ง Driver ชื่อว่า XCUITest สำหรับการทดสอบ iOS
$ appium driver install uiautomator2
$ appium driver install xcuitest
สามารถใช้คำสั่ง appium driver list --installed เพื่อตรวจสอบรายการของ Drivers ที่ถูกติดตั้งไว้แล้ว

Babel Coder
Babel Coder
APPIUM INSPECTOR
Appium Inspector เป็นเครื่องมือ GUI ที่ช่วยให้เราสามารถ สำรวจ UI ของแอปพลิเคชัน บนอุปกรณ์หรืออีมูเลเตอร์ ซึ่งใช้
ร่วมกับ Appium Server เพื่อทำการตรวจสอบ UI Elements (XPath, ID, Class, Text ฯลฯ) เพื่อให้เราสามารถนำไปใช้ใน
การเขียนสคริปต์ทดสอบอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย
🔹ความสำคัญ
ค้นหา UI Elements ได้ง่าย โดยไม่ต้องเดา XPath เอง
ช่วยสร้าง คำสั่งการทดสอบอัตโนมัติ (Automation Code) ได้ทันที
ช่วยในการ Debugging และตรวจสอบการตอบสนองของแอป
ลด Human Error จากการเขียน Locator ด้วยตัวเอง

Babel Coder
Babel Coder
$ appium plugin install --source=npm appium-inspector-plugin
ออกคำสั่งต่อไปนี้เพื่อติดตั้ง Appium Inspector
$ MSYS_NO_PATHCONV=1 appium --base-path="/wd/hub" --use-plugins=inspector --allow-cors
หยุดการทำงานเดิมของ Appium Server แล้วจึงออกคำสั่งใหม่เพื่อเริ่มการทำงานอีกครั้ง
** สำหรับ MacOS ไม่ต้องระบุ MSYS_NO_PATHCONV=1

Babel Coder
Babel Coder
การใช้งาน
เริ่มต้นการใช้งานผ่านเว็บโดยไปยัง URL คือ
http://localhost:4723/inspector
ทำการระบุค่าของ Capability ต่าง ๆ ให้ครบถ้วน
จากนั้นจึงกดปุ่ม Start Session

Babel Coder
Babel Coder
iOS
Android

Babel Coder
Babel Coder

Babel Coder
Babel Coder
MOBILE TESTING
การทดสอบ Mobile Application เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชันทำงานได้อย่างถูกต้องบน
อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ โดยการใช้ Appium ร่วมกับ Robot Framework ช่วยให้การทดสอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดาย
มากขึ้น โดยมี Keywords สำคัญดังต่อไปนี้
Open Application
Close Application
การเข้าถึง Element ด้วยการใช้ Locators ประเภทต่าง ๆ ได้แก่ accessibility_id, id, xpath, android, ios
Element Should Be Visible
Wait Until Element Is Visible
Get Element Size
Get Element Location
Click Element
Input Text และ Hide Keyboard
Swipe
และการทดสอบการสลับแอปพลิเคชันด้วย Switch Application

Babel Coder
Babel Coder
การเปิดแอปพลิเคชันเป็นขั้นตอนแรกที่ต้องทำก่อนเริ่มการทดสอบ เราสามารถใช้คำสั่ง Open Application เพื่อเปิด
แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ที่ต้องการ
OPEN APPLICATION
Arguments หลัก
remote_url: URL ของ Appium Server (เช่น http://localhost:4723/wd/hub)
1.
platformName: ชื่อแพลตฟอร์ม (เช่น Android หรือ iOS)
2.
deviceName: ชื่ออุปกรณ์หรือ Emulator (เช่น emulator-5554 หรือ iPhone 13)
3.
app: พาธของไฟล์ APK หรือ IPA ที่ต้องการติดตั้งและเปิด (ใช้เมื่อต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใหม่)
4.
appPackage: ชื่อแพ็กเกจของแอปพลิเคชัน (ใช้เมื่อแอปพลิเคชันติดตั้งอยู่แล้วบนอุปกรณ์)
5.
appActivity: ชื่อ Activity หลักของแอปพลิเคชัน (ใช้เมื่อแอปพลิเคชันติดตั้งอยู่แล้วบนอุปกรณ์)
6.

Babel Coder
Babel Coder
OPEN APPLICATION
Arguments อื่น ๆ ที่ใช้บ่อย:
automationName: ชื่อ Automation Engine (เช่น UiAutomator2 สำหรับ Android หรือ XCUITest สำหรับ
iOS)
platformVersion: เวอร์ชันของแพลตฟอร์ม (เช่น 11.0 สำหรับ Android หรือ 15.0 สำหรับ iOS)
noReset: ไม่รีเซ็ตแอปพลิเคชันก่อนเปิด (ค่าเป็น true หรือ false)
fullReset: รีเซ็ตแอปพลิเคชันและข้อมูลทั้งหมดก่อนเปิด (ค่าเป็น true หรือ false)
udid: UDID ของอุปกรณ์ (ใช้เมื่อมีหลายอุปกรณ์เชื่อมต่อ)
newCommandTimeout: เวลารอคำสั่งใหม่ (หน่วยเป็นวินาที)

Babel Coder
Babel Coder
ใช้ appPackage และ appActivity (แอปพลิเคชันติดตั้งอยู่แล้ว
บนอุปกรณ์ เช่น Calculator)
EXAMPLE 1
คำอธิบาย
remote_url: http://localhost:4723/wd/hub (Appium
Server)
platformName: Android (แพลตฟอร์ม Android)
deviceName: emulator-5554 (ชื่อ Emulator)
appPackage: com.android.calculator2 (ชื่อแพ็กเกจ
ของแอปพลิเคชัน Calculator)
appActivity: com.android.calculator2.Calculator
(ชื่อ Activity หลักของแอปพลิเคชัน Calculator)

Babel Coder
Babel Coder
ใช้ app (ระบุพาธของไฟล์ APK)
EXAMPLE 2
remote_url: http://localhost:4723/wd/hub (Appium
Server)
platformName: Android (แพลตฟอร์ม Android)
deviceName: emulator-5554 (ชื่อ Emulator)
app: ${CURDIR}/calculator.apk (พาธของไฟล์ APK ที่
ต้องการติดตั้งและเปิด)

Babel Coder
Babel Coder
หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบ เราควรปิดแอปพลิเคชันด้วยคำสั่ง Close Application
CLOSE APPLICATION

Babel Coder
Babel Coder
การเข้าถึง Element ใน Mobile Application สามารถ
ทำได้หลายวิธี โดยใช้ Locators ประเภทต่าง ๆ เช่น
accessibility_id, id, xpath, android, chain ซึ่ง
แต่ละประเภทมีลักษณะการใช้งานและความหมายที่แตก
ต่างกัน
LOCATORS

Babel Coder
Babel Coder
accessibility_id เป็น Locator ที่ใช้สำหรับเข้าถึง Element โดย
อิงจากค่า content-desc (บน Android) หรือ
accessibilityIdentifier (บน iOS) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ใช้
ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นสามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้
สะดวกขึ้น
ACCESSIBILITY_ID
accessibility_id=login_button หมายถึงการค้นหา
Element ที่มีค่า content-desc หรือ
accessibilityIdentifier เป็น login_button
เหมาะสำหรับการเข้าถึง Element ที่มีคุณสมบัติ content-
desc หรือ accessibilityIdentifier กำหนดไว้

Babel Coder
Babel Coder
ACCESSIBILITY_ID

Babel Coder
Babel Coder
ID
id เป็น Locator ที่ใช้สำหรับเข้าถึง Element โดยอิงจากค่า
resource-id (บน Android) หรือ name (บน iOS) ซึ่งเป็นค่า
เฉพาะที่ใช้ระบุ Element ในแอปพลิเคชัน
id=com.example.app:id/login_button หมายถึงการ
ค้นหา Element ที่มีค่า resource-id เป็น
com.example.app:id/login_button (บน Android)
หรือ name เป็น login_button (บน iOS)
resource-id มักใช้ใน Android เพื่อระบุ Element ที่มีค่า
ID เฉพาะ
name มักใช้ใน iOS เพื่อระบุ Element ที่มีค่า Name เฉพาะ

Babel Coder
Babel Coder
XPATH
xpath เป็น Locator ที่ใช้สำหรับเข้าถึง Element โดยอิงจาก
โครงสร้างของ XML หรือ UI Hierarchy ของแอปพลิเคชัน
สามารถระบุตำแหน่งของ Element ได้อย่างละเอียด
xpath=//android.widget.Button[@text='Login']
หมายถึงการค้นหา Element ที่เป็นปุ่ม (Button) และมี
ข้อความ (text) เป็น Login
xpath ช่วยให้สามารถระบุตำแหน่งของ Element ได้อย่าง
ยืดหยุ่น โดยอิงจากโครงสร้างของ UI
เหมาะสำหรับกรณีที่ Element ไม่มี id หรือ accessibility_id
ที่ชัดเจน

Babel Coder
Babel Coder
XPATH

Babel Coder
Babel Coder
ANDROID
android เป็น Locator ที่ใช้สำหรับเข้าถึง Element บน
Android โดยใช้ UiSelector ซึ่งเป็นคลาสใน Android SDK ที่
ช่วยระบุ Element ตามคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น text, resourceId,
className เป็นต้น
android=UiSelector().text("Login") หมายถึงการค้นหา
Element ที่มีข้อความ (text) เป็น Login บน Android
UiSelector ช่วยให้สามารถระบุ Element ได้อย่างละเอียด
โดยอิงจากคุณสมบัติต่าง ๆ ของ Element

Babel Coder
Babel Coder
ANDROID

Babel Coder
Babel Coder
iOS
CHAIN
Chain Locator เป็นการรวม Locator หลาย ๆ ตัวเข้าด้วยกัน
เพื่อระบุองค์ประกอบ UI ที่ซับซ้อนหรือมีโครงสร้างเฉพาะ โดยใช้
เครื่องหมาย && หรือ || เพื่อเชื่อมเงื่อนไขต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

Babel Coder
Babel Coder
iOS
CHAIN

Babel Coder
Babel Coder
iOS
PREDICATE
Predicate Locator เป็นการระบุองค์ประกอบ UI โดยใช้เงื่อนไขทางตรรกะ (predicate) ซึ่งมักใช้
กับแอป iOS เพื่อค้นหาองค์ประกอบที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น name, label, value, enabled,
เป็นต้น

Babel Coder
Babel Coder
iOS
PREDICATE

Babel Coder
Babel Coder
ELEMENT SHOULD BE VISIBLE
ตรวจสอบว่า Element นั้นปรากฏบนหน้าจอหรือไม่

Babel Coder
Babel Coder
WAIT UNTIL ELEMENT IS VISIBLE
รอจนกว่า Element จะปรากฏบนหน้าจอ เช่น กรณีที่มีการกดปุ่มแล้วจะมี Dialog โผล่ขึ้นมา เนื่องจาก Dialog ไม่เคยปรากฎบน
หน้าจอมาก่อน เราจึงดำเนินการกับ Dialog โดยตรงไม่ได้ จะต้องรอจนกว่า Dialog จะปรากฎผ่าน Wait Until Element Is
Visible ก่อน

Babel Coder
Babel Coder
รับขนาดของ Element ว่ากว้างและสูงเท่าไร
GET ELEMENT SIZE
width: ความกว้างของ Element ในหน่วย
พิกเซล
height: ความสูงของ Element ในหน่วย
พิกเซล
ในตัวอย่างนี้ Element มีขนาดกว้าง 200
พิกเซล และสูง 50 พิกเซล

Babel Coder
Babel Coder
รับตำแหน่งของ Element ในพิกัด x และ y
GET ELEMENT LOCATION
x: ตำแหน่งแกน X ของ Element โดยวัดจาก
ขอบด้านซ้ายของหน้าจอ
y: ตำแหน่งแกน Y ของ Element โดยวัดจาก
ขอบด้านบนของหน้าจอ
ในตัวอย่างนี้ Element อยู่ที่ตำแหน่ง X = 100
พิกเซล และ Y = 300 พิกเซล

Babel Coder
Babel Coder
คลิกที่ Element
CLICK ELEMENT

Babel Coder
Babel Coder
ป้อนข้อความลงใน Element ด้วย Input Text
INPUT TEXT และ HIDE KEYBOARD
ภายหลังการป้อนข้อมูลสามารถสั่งซ่อนคีย์บอร์ได้ผ่าน Hide Keyborad

Babel Coder
Babel Coder
การเลื่อนหน้าจอ (Swipe) เป็นหนึ่งในคำสั่งพื้นฐานที่ใช้ใน
การทดสอบ Mobile Application เพื่อเลื่อนหน้าจอขึ้นลง
ซ้ายขวา หรือในทิศทางต่าง ๆ การใช้งาน Swipe ใน Robot
Framework ผ่าน Appium มีรายละเอียดของ
Arguments แต่ละตัว ดังนี้
SWIPE
start_x: ตำแหน่งเริ่มต้นบนแกน X (พิกเซล)
start_y: ตำแหน่งเริ่มต้นบนแกน Y (พิกเซล)
offset_x: ระยะห่างที่ต้องการเลื่อนบนแกน X (พิกเซล)
offset_y: ระยะห่างที่ต้องการเลื่อนบนแกน Y (พิกเซล)
duration: เวลาที่ใช้ในการเลื่อน (มิลลิวินาที)
Arguments

Babel Coder
Babel Coder
SWIPE
start_x=500, start_y=1500: เริ่มเลื่อนจากตำแหน่ง X = 500
พิกเซล และ Y = 1500 พิกเซล (ด้านล่างของหน้าจอ)
offset_x=0: ไม่มีการเลื่อนในแนวแกน X
offset_y=-1000: เลื่อนขึ้นในแนวแกน Y เป็นระยะ 1000 พิกเซล
duration=1000: ใช้เวลา 1 วินาที (1000 มิลลิวินาที) ในการเลื่อน
เลื่อนหน้าจอจากล่างขึ้นบน คำอธิบาย

Babel Coder
Babel Coder
SWIPE
พิกเซล และ Y = 500 พิกเซล (ด้านบนของหน้าจอ)
offset_x=0: ไม่มีการเลื่อนในแนวแกน X
offset_y=1000: เลื่อนลงในแนวแกน Y เป็นระยะ 1000 พิกเซล
เลื่อนหน้าจอจากบนลงล่าง คำอธิบาย

Babel Coder
Babel Coder
SWIPE
พิกเซล และ Y = 800 พิกเซล (ด้านซ้ายของหน้าจอ)
offset_x=800: เลื่อนไปทางขวาในแนวแกน X เป็นระยะ 800 พิกเซล
offset_y=0: ไม่มีการเลื่อนในแนวแกน Y
เลื่อนหน้าจอจากซ้ายไปขวา คำอธิบาย

Babel Coder
Babel Coder
SWIPE
พิกเซล และ Y = 800 พิกเซล (ด้านขวาของหน้าจอ)
offset_x=-800: เลื่อนไปทางซ้ายในแนวแกน X เป็นระยะ 800
พิกเซล
offset_y=0: ไม่มีการเลื่อนในแนวแกน Y
เลื่อนหน้าจอจากขวาไปซ้าย คำอธิบาย

Babel Coder
Babel Coder
SWIPE
ในกรณีของ Android ค่า Offset (offset_x, offset_y) ไม่ได้หมายถึงระยะห่างจากตำแหน่งเริ่มต้น แต่ให้ถือว่าเป็น ตำแหน่งปลาย
ทาง (destination points) โดยตรง ซึ่งต่างจากกรณีของ iOS ที่ offset_x และ offset_y หมายถึงระยะห่างจากตำแหน่งเริ่มต้น
พิกเซล และ Y = 800 พิกเซล
offset_x=500, offset_y=500: เลื่อนไปยังตำแหน่ง X = 500
พิกเซล และ Y = 500 พิกเซล สำหรับ Android ให้ถือว่าเป็นตำแหน่ง
ปลายทาง

Babel Coder
Babel Coder
SWITCH APPLICATION
การสลับแอปพลิเคชัน (Switch Application) เป็นเทคนิคที่ใช้ในการทดสอบ Mobile Application เมื่อต้องการสลับระหว่าง
แอปพลิเคชันหลาย ๆ ตัวในระหว่างการทดสอบ เช่น การสลับระหว่างแอปพลิเคชันหลักและแอปพลิเคชันรอง หรือการทดสอบการ
ทำงานร่วมกันของแอปพลิเคชันหลายตัว
วัตถุประสงค์ของการทดสอบการสลับแอปพลิเคชัน
ทดสอบการทำงานร่วมกันของแอปพลิเคชัน: เช่น การ
สลับระหว่างแอปพลิเคชันหลักและแอปพลิเคชันรอง เพื่อ
ตรวจสอบว่าข้อมูลหรือสถานะต่าง ๆ ยังคงถูกต้องหรือไม่
1.
ทดสอบการทำงานของ Deep Linking: เช่น การเปิด
ลิงก์จากแอปพลิเคชันหนึ่งไปยังอีกแอปพลิเคชันหนึ่ง
2.
ทดสอบการทำงานของระบบแอปพลิเคชันหลายตัว: เช่น
การสลับระหว่างแอปพลิเคชันเพื่อตรวจสอบว่าการทำงาน
ของระบบยังคงเสถียรหรือไม่
3.
วิธีการทดสอบการสลับแอปพลิเคชัน
ในการทดสอบการสลับแอปพลิเคชันด้วย Robot Framework ผ่าน
AppiumLibrary เราสามารถใช้คำสั่ง Switch Application เพื่อสลับ
ระหว่างแอปพลิเคชันที่เปิดไว้ โดยขั้นตอนการทดสอบมีดังนี้
เปิดแอปพลิเคชันแรกด้วยคำสั่ง Open Application
1.
เปิดแอปพลิเคชันที่สองด้วยคำสั่ง Open Application
2.
สลับกลับไปยังแอปพลิเคชันแรกด้วยคำสั่ง Switch Application
3.
สลับไปยังแอปพลิเคชันที่สองด้วยคำสั่ง Switch Application
4.
ทดสอบการทำงานของแต่ละแอปพลิเคชัน
5.

Babel Coder
Babel Coder
SWITCH APPLICATION

Robot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdf

Recommended

More Related Content

Similar to Robot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdf (7)

Robot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdfRobot Framework.pdf